วันจันทร์, ธันวาคม 22, 2551

พระบรมราโชวาท หน้าที่ครม. ทำประเทศเป็นสุข


ภายหลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ประเทศมีความสุข
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า
“ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับฟังรัฐมนตรีที่จะเข้ารับ หน้าที่ต่อไปนี้ ได้ปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งท่านมีหน้าที่ที่สำคัญที่สุดเพราะว่าจะต้องทำให้ประเทศชาติมีความสุข ความเรียบร้อย ถ้าท่านทำงานเรียบร้อย ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นบุญสำหรับประเทศ เพราะว่าประเทศต้องมีคนที่ดูแลความเป็นอยู่อย่างดี ถ้ามิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานของประชาชนทั่วไปได้ดีนัก แต่ถ้าท่านได้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสุข ความเรียบร้อยก็ทำให้ประเทศชาติไปได้ด้วย ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี เพราะว่าทำให้สามารถที่จะมีความเป็นไทยอยู่ได้ ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะปฏิบัติงานให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้คนไทยมีความเรียบร้อย มีความสุข ถ้าทำไม่ดีจะเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงหรือคนทั่วๆไป ทำไม่ดีคนหนึ่งคนใดก็ทำให้ประเทศชาติล่มจมได้
ฉะนั้นท่านก็มีหน้าที่สำคัญ เพราะท่านอยู่สูง มีหน้าที่สูง เพราะจะต้องทำให้ประเทศชาติดำเนินไปโดยดี ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติงานเพื่อความดีของประเทศ ความสงบสุขประเทศ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่สุด ถ้าทำได้ ท่านเองก็มีความสุขและประชาชนทั่วไปทุกทั่วทั้งหมู่ ทุกเหล่าได้มีความสุขทั้งนั้น คนไหนจะทำอะไรก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ถ้าท่านช่วยกันดูประเทศชาติให้มีความราบรื่น ท่านเองก็มีความสุขมั่นคง ฉะนั้นท่านตั้งใจที่ปฏิบัติงานโดยดีนั้น เป็นความดีที่ท่านจะทำสร้างตัวเองด้วย สร้างส่วนรวมด้วย ถ้าส่วนรวมอยู่ดี ท่านก็อยู่ดี ก็ขอให้ท่านสามารถที่จะปฏิบัติงานโดยเรียบร้อย ทำให้ทั้งประเทศมีความราบรื่น ซึ่งชาติต้องการความสงบของประเทศ ก็ขอให้ท่านสามารถที่จะปฏิบัติงานโดยเรียบร้อยทุกอย่าง และขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการแต่ละส่วนที่ท่านต้องทำ”
นายกฯน้อมรับพระราชดำรัส
ต่อมาเวลา 17.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมด้วย ครม. เดินทางกลับจากการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ปฏิญาณมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขึ้นรถยนต์ส่วนตัวแยกย้ายกลับบ้าน โดยนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อมน้อมนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะที่พระองค์ท่านรับสั่งถึงความสำคัญของการทำงานให้สำเร็จ เพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย เพื่อความสุขของส่วนรวม และทรงมีรับสั่งถึงความจำเป็นที่จะต้องบริหารบ้านเมืองให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสุขของประชาชน และประเทศ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อ้อนคนไทยร่วมมือแก้วิกฤติชาติ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณีการประชุม ครม.
ครั้งแรกในวันที่ 23 ธ.ค.นั้น มีวาระพิจารณาเรื่องนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะต้องการได้รับการอนุมัติจาก ครม.จะได้ดำเนินการส่งให้รัฐสภาต่อไป เมื่อถามว่า วันนี้ได้เป็นนายกฯที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามหลักธรรมาภิบาล อยากฝากอะไรถึงคนไทย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าบ้านเมืองของเราวันนี้ประสบกับความยากลำบากมาต่อเนื่องพอสมควร มันไม่มีคนใด ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือ ครม.ที่จะสามารถทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วง ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ อยากให้ความมั่นใจว่าตนและ ครม.มาอยู่ตรงนี้ จะทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เพราะฉะนั้นก็ขอความร่วมมือจากท่านมาสร้างประโยชน์สุขร่วมกัน เมื่อถามว่า จะเป็นนายกฯแบบในภาวะที่บ้านเมืองแตกแยก นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ดีกว่าคำพูดคือการกระทำ ตนต้องการเป็นนายกฯที่สร้างความสามัคคีให้กลับคืนมาในชาติ ให้ คนไทยมีความมั่นใจในอนาคต และต่างชาติมีความมั่นใจในประเทศไทย ต่อข้อถามว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รอง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่าแก๊งออฟโฟร์ในพรรคมีจริง จะเรียกนายเฉลิมชัยมาคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มีโอกาสจะได้คุยกัน
นายกฯยิ้มแย้มก่อนนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.25 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกฯ ยี่ห้อบีเอ็ม-ดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ทะเบียน ศฮ 9021 กรุงเทพมหานคร เพื่อ ถ่ายรูปร่วมกับคณะรัฐมนตรี ก่อนเดินทางเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยนายกฯใช้เวลาพักผ่อนเตรียมตัวภายห้องทำงานนายกฯ ตึกไทยคู่ฟ้า ประมาณ 30 นาทีแล้วออกมา โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างยิ้ม แย้มว่า ไปเปลี่ยนชุด ทุกอย่างเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหารือกับ ครม.วันนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบ ว่า ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะได้ปรารภเรื่องการทำงานและหารือเรื่องต่างๆ ในที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 ธ.ค. จะมีการแถลงกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
โต้ฉายารัฐบาลไฮแจ๊ค
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เตรียมแฉขั้นตอนการตั้งรัฐบาลในวันแถลงนโยบายว่า ไม่รู้สึกกังวล และไม่ทราบว่านายเสนาะมีข้อมูลอย่างไร แต่ในวันแถลงนโยบายเป็นโอกาสที่ ส.ส.ทุกคนสามารถอภิปรายตามกรอบตามข้อบังคับได้ อยู่แล้ว ยืนยันว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปล้นกลางอากาศ หรือไฮแจ๊ค แต่เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และการลงคะแนนเลือกนายกฯ ก็เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย ที่ ส.ส.มีอิสระตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม เปิดโอกาสให้วิจารณ์ได้ เราพร้อมที่จะชี้แจง เพราะการดำเนินการทั้งหลายมีความชัดเจนในตัว หลายเรื่องเราก็เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน และกระบวนการในการเลือกนายกฯก็เป็นไปอย่างเปิดเผยในสภา
ถ้าเลือกได้ไม่เอาแบบนี้เด็ดขาด
“ผมเคยเรียนหลายครั้งว่า แน่นอน หากคนอย่างผมเลือกได้ว่าจะมาในจังหวะไหน อย่างไร ก็คงไม่เลือกที่จะเป็นอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกันทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและในวิถีทางของรัฐสภาทั่วโลก เป็นเรื่องปกติมากที่พรรคอันดับ 1 เมื่อเข้าไปบริหารแล้วมีปัญหาก็เปิดโอกาสให้ พรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล นอกจากนั้นแล้ว แม้ไม่นับกลุ่มเพื่อนเนวิน หรืออดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน บรรดาประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองที่มาสนับสนุนผม ก็มีมากกว่าประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน ดังนั้น ตรงนี้ไม่ได้มีปัญหา และคนในต่างประเทศก็เข้าใจ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ไม่บรรจุแก้ รธน.ลงในนโยบาย
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมชุมนุมใหญ่ ที่ สนามหลวงและเรียกร้องให้ยุบสภาว่า สิ่งที่ต้องการจะทำคือดูแลให้บ้านเมืองสามารถตั้งหลักและเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะขณะนี้ต้องยืนยันความเป็นประธานและความเป็นผู้นำในอาเซียน เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจ และประเทศไทย รวมทั้งคนไทยจะได้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน ก็เปิดทางสำหรับการปฏิรูปการเมือง ที่น่าเชื่อได้ว่าในที่สุดต้องนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากตั้งธงที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกรงจะเข้าใจผิด คิดว่าแก้เพื่อเรื่องนั้นเรื่องนี้ รัฐบาลจึงไม่บรรจุเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบาย ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาคัดค้านจากกลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะตอนคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในกรอบของการปฏิรูปการเมืองทั้งสิ้น ส่วนความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่นั้น ขณะนี้มีความพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างราบ-รื่น มั่นใจว่าไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเราก็เอาผลงานมาเป็นตัวช่วยในเสถียรภาพ คิดว่าในช่วง 2-3 เดือนแรกต้องมีความชัดเจนมาก อย่างน้อยที่สุดที่วางตารางเวลาเอาไว้หลังแถลงนโยบายภายใน 1 เดือน คือ เรื่องของอาเซียนกับเรื่องแผนเศรษฐกิจเรียบร้อย
วอน “ทักษิณ” อย่าปลุกมวลชน
เมื่อถามกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่า รัฐบาลไหน ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เป็นกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรม เชื่อถือได้ อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงเดินหน้าโฟนอิน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดคุยกับใครก็สามารถทำได้ แต่อย่าปลุกระดม หรือกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะคนไทยเดือดร้อนกันมาเป็นปีจึงอยากให้หลายสิ่งหลายอย่างเดินไปข้างหน้าได้ เมื่อถามว่า บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเข้าไปดูแลไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นฐานในการโจมตีประเทศไทยหรือไม่ นายกฯตอบว่า เชื่อว่า มิตรประเทศคงไม่อยากให้ใครใช้ประเทศของ เขามาโจมตีไทย แต่ขณะนี้เราไม่ทราบว่าที่ไปที่มาของ พ.ต.ท. ทักษิณเป็นอย่างไร
ดึงตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งระดมทุน
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จะเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงบ่ายวันที่ 22 ธ.ค.นั้น ตลาดหลักทรัพย์ใช้เป็นดัชนีในการวัดภาวะเศรษฐกิจ และผูกพันอยู่กับเรื่องของความเชื่อมั่นพอสมควรแต่สิ่งที่ถูกมองข้ามคือตลาดหลักทรัพย์ควรจะเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญ และที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจของไทยพึ่งพาระบบธนาคารค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้าเราส่งเสริมตลาดทุนได้ก็จะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าตลาดหลักทรัพย์ฯกลายเป็นแหล่งการพนันนั้น วิธีที่จะป้องกันคือ ต้องให้คนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น ต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้คนที่มีรายได้ไม่มากนักสามารถที่จะเป็นนักลงทุนได้ และมีบริษัทหรือสินค้าที่ เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลากหลายมากขึ้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีข้อครหาค่อนข้างมากในเรื่องของการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นในทางที่ไม่ควร ดังนั้น จะต้องให้ความมั่นใจว่ายุคต่อไปนี้ต้องไม่มี และปัญหาข้อมูลภายในต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้คนเฉพาะกลุ่ม โดยหลักสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับความเชื่อมั่นก็คือ คนธรรมดาต้องมั่นใจว่าเข้าไปลงทุนแล้วไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
“ชวน” เข้มคนในอย่าสร้างปัญหา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามีแก๊งออฟโฟร์ในพรรคเข้ามาร่วมจัดการว่า เห็นด้วยกับคนที่ผิดหวังบางคนระบุว่าจะเดินหน้าทำงาน เพื่อไม่ให้รัฐบาลเกิดปัญหาในการทำงาน อยากให้รัฐบาลได้มีเวลาทำงาน เข้าใจว่าขณะนี้ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว เมื่อถามว่า บางคนนายอภิสิทธิ์โทรศัพท์ไปเคลียร์เองแต่ก็ไม่ยอมรับสาย นายชวนตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนน้อยใจ แต่เชื่อว่าจะเบาลง คนที่น้อยใจจะเข้าใจปัญหามากขึ้น เราต้องช่วยกันเพื่อให้รัฐบาลมีเวลาทำงาน ไม่ควรมีปัญหาจากพรรคตัวเอง ส่วนบางคนที่ได้มีโอกาสพูดคุยท่าทีก็ดีขึ้น ยังยินดีที่จะช่วยงานพรรคและรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดก็ได้ปรารภให้คนในพื้นที่รับทราบ เพราะอาจเกิดปัญหาที่คนในพื้นที่ไม่เข้าใจ
โยน “อภิสิทธิ์-เทือก” เร่งเคลียร์
เมื่อถามว่า จากการพูดคุยคนที่ออกมาเคลื่อนไหวรู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเอง ที่ทำให้พรรคเสื่อมเสียหรือไม่ นายชวนตอบว่า คิดว่าทุกฝ่ายมีข้อจำกัด คนที่ไปประสานในการจัดตั้งรัฐบาลก็มีปัญหามีข้อกำจัดในเรื่องของตำแหน่งที่มีอยู่น้อย ส่วนคนที่หวังหลายคนก็มีความอาวุโส แต่ในหมู่กันเองเห็นว่าบางคนยังมีความอาวุโสน้อย แต่เข้าใจว่าทางผู้จัดตั้งรัฐบาล คงมองในแง่ของการกระจายไปตามภาค เมื่อถามถึงปัญหาความไม่พอใจในการแต่งตั้งนายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายชวนตอบว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่ หัวหน้าพรรคฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคฯจะเป็นผู้อธิบายเอง เมื่อถามว่านายสุเทพท้าสาบานว่าหากมีการรับเงินซื้อเก้าอี้รัฐมนตรีจริงก็พร้อมลาออก โดยไม่ต้องมีหลักฐาน นายชวนตอบว่า ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น
เตือนระวังเป็นเหยื่อสื่อมวลชน
เมื่อถามย้ำว่า เป็นการตีความผิดหรือเข้าใจผิดใช่หรือไม่ นายชวนตอบว่า ต้องไปถามคนที่พูด แต่หน้าที่ของเราคือต้องช่วยเหลือพรรคให้มีโอกาสได้ทำงาน เพราะ วิกฤติของบ้านเมืองยังรอความหวังอยู่ ดังนั้นไม่ควรจะมีปัญหาทำให้กลายเป็นเหยื่อ เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ส่วนกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ได้มีโอกาสพูดคุยตลอด ส่วนนายเฉลิมชัยยังไม่ได้คุยกัน ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่มีหน้าที่ช่วย จริงอยู่ที่เป็นประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ แต่หากไม่มีคนมาปรึกษาเราก็ไม่ควรเข้าไปสอดทุกเรื่อง แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคก็พยายามช่วย เพราะส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อเกิดปัญหาก็จะเป็นเหยื่อ สื่อจะตามเรื่องพวกนี้ ดังนั้น คนที่พูดต้องระมัดระวังเรื่องที่พูดออกไปว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขต่อไป ดังนั้น อะไรที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรง ควรจะทบทวนดูเสียก่อนว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่ใช่มาปฏิเสธทีหลัง เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าทุกอย่างจบหรือยัง นายชวนตอบว่า คนที่ยังน้อยใจยังมีอยู่ต้องเข้าใจ และคงต้องให้เวลาปรับตัว เมื่อถามย้ำว่า นายนิพิฏฐ์ควรจะออกมาชี้แจงเรื่องตัวเงิน 80 ล้านบาทหรือไม่ นายชวนตอบว่า ที่จะต้องออกมายืนยัน ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของนายนิพิฏฐ์เอง
“นิพิฏฐ์” ยอมกลืนเลือดเพื่อชาติ
ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เตรียมนำข้อมูล 80 ล้านบาท ที่นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี บริจาคเงินเข้าพรรคไปร้องต่ออัยการสูงสุด ให้ ยุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายสุรพงษ์ทำวิธีการแบบนี้มาตลอด ทั้งร้องทุกข์ ทั้งแจ้งความ แต่สิ่งที่ทำทั้งหมดไม่มี เค้ามูลความจริงแม้แต่เรื่องเดียว ตนเคยเป็นทนายความในคดีหมิ่นประมาทให้นายสุรพงษ์ หลายคดีเมื่อครั้งอยู่พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากตอบโต้ เพราะรู้ดีว่าข้อมูลของนายสุรพงษ์ ขาดความน่าเชื่อถือ มีพฤติกรรมไม่ต่างจากคนหัวล้านแล้วไปเร่ขายน้ำยาปลูกผม ไม่มีใครเชื่อถือ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จบไปแล้ว สามารถอธิบายกับสังคมได้ในสิ่งที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้ใหญ่ในพรรค แต่เรื่องของพรรคจบไปแล้ว เมื่อถามถึงความขัดแย้งภายในพรรคยุติลงหรือยัง นายนิพิฏฐ์ตอบว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นทุกคนก็ต้องยอมกลืนเลือด คนที่ผิดหวังไม่ได้รับการเลือกเข้ามาทำงาน ต้องยอมกลืนเลือดเพื่อชาติ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของชาติและประชานเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมยอมเสียสละชีวิตเพื่อพรรค เพื่อประเทศ หลังจากเกิดปัญหาได้หารือกับนายชวน และนายอภิสิทธิ์ โดยตลอด
ขอเวลาทำใจก่อนลุยเพื่อพรรค
เมื่อถามว่ายังคงยืนยันที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ตอบว่า หลังจากทำศึกมาหนักก็อยู่ในอาการอ่อนเปลี้ยเมื่อยล้า ต้องการเวลาพักฟื้นให้สภาพจิตใจและร่างกายกลับมาเข้มแข็งอีกสักระยะ จากนั้นเชื่อว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้น เพื่อทำงานปกป้องพรรคต่อไป แต่วันนี้ขอเวลาทำใจก่อน ยืนยันว่าอยู่ที่ไหนต้องมีความสุข หากไม่มีความสุขก็ไม่อยู่ วันนี้จะบอกว่ามีความสุขหรือไม่ ยังบอกไม่ได้ บอกได้คำเดียวว่า มันชา เหมือนกับคนถูกฉีดยาชา ปัญหาที่เกิดขึ้นอยากให้ผู้ใหญ่ ในพรรคพูดคุยสื่อสารกับสมาชิกให้ใกล้ชิดมากกว่านี้ รวมถึงชี้แจงต่อสาธารณะให้เกิดความเข้าใจ หากมีการปรับความเข้าใจบ่อยและจริงจังกว่านี้ ปัญหาภายในพรรคก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ และทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อปกป้องพรรคตลอด ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย เรียกร้องให้ตนออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ คงต้องขอเวลาปรึกษากับนายชวนก่อน ถ้าว่าอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตามนั้น เมื่อถามว่ายืนยันว่ามีหลักฐานการบริจาคเงิน 80 ล้านบาทหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ตอบว่าอย่าไปพูดถึงขั้นนั้น เพราะที่เปิดเผยเรื่องนี้ต้องการสื่อให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นในพรรคบ้าง
“วิทยา” ท้าตรวจสอบเงิน 80 ล้าน
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในแก๊งออฟโฟร์ว่า เพิ่งทราบจากข่าว แต่ลักษณะอย่างนี้ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้ คงเป็นความเข้าใจผิดบางประการ คนที่อยู่ในคิวเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่ได้เป็น คงออกมาบ่นเพราะความน้อยใจ และยังมี ส.ส. อีก 10 กว่าคนที่ไม่ได้เป็น เมื่อถามถึงตัวเลขเงิน 80 ล้านบาท ที่บริจาคให้พรรคนั้น นายวิทยาตอบว่า ไม่เป็นไรกับเรื่องนี้ เป็นปัญหาภายในพรรคที่สามารถสอบสวนกันได้ เมื่อถามว่าถ้ามีการสอบสวนจะได้คำตอบหรือไม่ นายวิทยาตอบว่า ต้องได้ เพราะทางฝ่ายค้านไปร้อง ป.ป.ช.ด้วย อย่างไรก็ได้คำตอบอยู่แล้ว เพราะการบริจาคต้องมีที่มาที่ไป อย่างการระดมทุนเข้าพรรคที่ผ่านมา 100 กว่าล้าน ใครให้มาบ้างเรารู้หมด เพราะมีรายชื่อที่ทางพรรคต้องไปแจ้งกับกกต. เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคฯและเลขาธิการพรรคฯออกมาปฏิเสธในเรื่องเงิน 80 ล้านบาท นายวิทยาตอบว่า เป็นคนหนึ่งในคณะทำงานระดมทุน ยังไม่เคยได้ยินว่าใครจะให้เงินมากขนาดนั้น
ครม.คึกคักถ่ายรูปก่อนถวายสัตย์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตั้งแต่เวลา 14.00 น. รัฐมนตรีในรัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” ได้เริ่มทยอยเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกันก่อนเดินทางไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีที่เดินทางมาถึงเป็นคนแรก คือ นายธีระ สลักเพชร รมว. วัฒนธรรม แต่เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวและช่างภาพดักรอจำนวนมาก ไม่กล้าลงจากรถ โดยให้วนรถไปจอดที่ตึกสันติไมตรี แล้วนั่งรออยู่ในรถจนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม เดินทางมาถึง จึงยอมลงจากรถ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายกันอย่างอารมณ์ โดยเฉพาะรัฐมนตรีหน้าใหม่ต่างมีท่าทีตื่นเต้นและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตื่นเต้นที่เข้ารับตำแหน่งครั้งแรก
“มาร์ค” ระรื่นเป็นนายกฯอายุน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่รัฐมนตรีทุกคนถ่ายรูปทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว นายอภิสิทธิ์ได้นำคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน ไปถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกร่วมกันบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยใช้เวลาถ่ายรูปประมาณ 10 นาที บรรยากาศหลังการถ่ายรูปนายกฯได้จับกลุ่มคุยอยู่กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยมีการแซวนับอายุกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวติดตลกอย่างอารมณ์ดีว่า “ใน ครม. ถ้านับแล้วผมอายุ 44 ปี มีรัฐมนตรีที่อายุน้อยกว่าผมอยู่คนเดียวคือ น.ส.นริศรา ที่อายุ 42 ปีเท่านั้น” จากนั้นรัฐมนตรีทั้งหมดได้ทยอยเดินขึ้นรถตู้ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในเวลา 17.00 น.
“วีระชัย” ปัดทุ่ม 80 ล้านแลกเก้าอี้
ทางด้านนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีเคร่งเครียด กรณีถูกนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์กว่า 80 ล้านบาท แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ยืนยันไม่เคยบริจาคเงิน 80 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าบนโต๊ะหรือใต้โต๊ะ แต่งานการเมืองไปเกี่ยวกับคนจำนวนมาก ทำให้บางครั้งสิ่งที่เราทำบางคนก็ไม่เข้าใจก็ต้องชี้แจงและอดทนต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เพียงตนที่ต้องอดทนแต่คงต้องอดทนกันทั้งรัฐบาล ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองคนที่มายืนอยู่จุดนี้ต้องทำใจ ทั้งนี้ ยินดีให้ตรวจสอบทุกเรื่องทุกคนที่ก้าวเข้ามาทำงานต้องได้รับการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นนี้ หากไม่ได้เกิดขึ้นกับใครคงยากจะเข้าใจ ตนไม่ท้อแท้ ตราบใดที่ได้รับความไว้วางใจจากนายกฯจะตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ถอดใจ เมื่อถมว่าเตรียมการดูแลเรื่องเศรษฐกิจตามที่ได้รับมอบหมายอย่างไร นายวีระชัยตอบว่า ช่วงที่ชักชวนให้มาร่วมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยากให้มาช่วยด้านการประสานงานเศรษฐกิจและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟอร์มทีม ตนพร้อมเปิดเผยทีมงานและวิธีการทำงานทุกอย่างการเข้ามาทำงานในทำเนียบฯครั้งนี้ของตนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
อ้อนขอโอกาสพิสูจน์ฝีมือก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนิพิฏฐ์เรียกร้องให้ประกาศจุดยืนทางการเมือง นายวีระชัยตอบว่า การตั้งรัฐบาลทุกครั้งมีลักษณะรัฐบาลผสมและผู้เข้าร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่เคยทำงานกับทั้ง 2 ฝ่าย ของการเมืองมาก่อน ครม.ชุดนี้จำนวนไม่น้อยเคยทำงานกับอีกฝ่ายทางการเมืองมาก่อน เมื่อถามว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวีระชัยหยุดไปช่วงหนึ่งแล้วตอบว่า “หากไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ คงไม่เข้าใจ ผมก็ตั้งใจ ขอโอกาสให้ผมได้ทำงานแสดงฝีมือสักระยะให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจวิธีการทำงานของผม จริงๆแล้วผมอยู่ในการเมืองมานานพอสมควรตั้งแต่ปี 2544 รู้จักสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมได้กำลังใจจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลายคน บางคนแทบจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ” เมื่อถามว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ นายวีระชัยตอบว่า ยินดีและยินดีพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ ตนเป็น ส.ส.ครั้งแรกปี 2544 ไม่สนิทสนมกับนายนิพิฏฐ์ แต่เคยฟังการอภิปรายหลายครั้งก็ชื่นชม หากมีโอกาสเจอจะไปพยายามชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเลยหากจะได้ทำงานกับคนมีความสามารถโดยเฉพาะการอภิปรายในสภาฯของนายนิพิฏฐ์
“เทือก” เมิน พท.ยื่นสอบเงินบริจาค
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งหน้าที่การทำงานว่า ถ้านายกฯใช้ให้ทำอะไรที่จะทำให้การบริหารบ้านเมืองต่างๆ ทำให้สำเร็จ เราก็ต้องทำ เมื่อถามย้ำว่าถ้าหากได้รับมอบหมายให้ดูแลความมั่นคงจะต้องดูแลความมั่นคงในรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เรื่องในรัฐบาลตนคิดว่าไปได้ เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดี นายกฯ กับนายกรณ์ กรณีที่ส่งเอสเอ็มเอส และกรณีการบริจาคเงิน 80 ล้านบาท นายสุเทพตอบว่า ไม่หนักใจอะไร เพราะไม่มีเรื่องจริง ไม่มีอะไรที่เป็นความจริง ฉะนั้นไม่หนักใจ ถ้า ป.ป.ช.จะตรวจสอบก็พร้อม จะแสดงข้อมูลหลักฐาน ข้อเท็จจริงให้ทราบ ต้องบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาได้กว่า 60 ปี ดังนั้นต้องทำอะไรอย่างโปร่งใส
โวมีหลักฐานบริจาคชัดเจน
“เรื่องเงินที่มีผู้บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์ทุกๆ รายจะต้องลงบัญชีว่าใครเป็นผู้บริจาค และมีสำเนาบัตรประชาชนแนบมาอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำรายงานส่งถึง กกต.ทุกคนจึงทราบว่าเรามีเงินบริจาค ดังนั้นเรื่องเงินที่ออกมาพูดมาจากการระดมทุน เพราะคิดว่าจะใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป จึงมีคนแสดงความจำนงมาประมาณ 300 ล้านบาท โดยทยอยกันให้มา จึงต้องชี้แจงว่าเรื่องเงินบริจาคมีที่มาอย่างชัดเจน ไม่ใช่เรื่องการขายตำแหน่งอย่างที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีนายทุนเข้ามาครอบงำพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองของประชาชน เป็นพรรคของคนทุกคนใครก็ครอบงำไม่ได้” นายสุเทพกล่าว
หยาม “สุรพงษ์” ไร้ราคาค่างวด
เมื่อถามว่า ตัวเลขที่กล่าวมาเป็นตัวเลขเดียวกันกับที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูด ได้เรียกนายนิพิฏฐ์มาสอบถามหรือยัง นายสุเทพตอบว่า ยัง แต่ไม่เป็นไรอีกหน่อยนายนิพิฏฐ์จะทราบข้อเท็จจริงเองว่าไม่มีเงิน 80 ล้าน ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเงิน 80 ล้าน ที่เป็นข่าวมาจากไหน ถ้ามีการสอบสวนเรื่องนี้จริงจะได้โอกาสพิสูจน์ความเป็นจริงให้ทุกฝ่ายได้ทราบ เมื่อถามว่า เรื่องที่นายสุรพงษ์ไปร้องเรียนเป็นกรณีฉกาจฉกรรจ์ที่ท้าทายจริยธรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก หากมั่นใจว่าไม่เป็นความจริง ทางนายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ จะฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนายสุรพงษ์หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า คงไม่เกี่ยวกับพรรค ตนคงไม่ไปดำเนินการอะไรกับนายสุรพงษ์มากมาย เพราะนายสุรพงษ์ไม่ค่อยมีราคาค่างวดอะไรอยู่แล้ว
“กรณ์” ฟุ้งความเชื่อมั่นจะกลับมา
ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจว่า เราจะแถลงก่อนปีใหม่ เพื่อที่จะเดินหน้าในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ลดภาระค่าใช้จ่าย และต้นทุนของผู้ประกอบการ และของประชาชนที่จะพ้นจากเศรษฐกิจได้ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมารัฐบาลรับทราบและเข้าใจ เมื่อถามว่าจะดำเนินการเรื่อง สาธารณูปโภครถไฟ รถเมล์ฟรีอย่างไร นายกรณ์ตอบว่า เรื่องนี้ต้องรอในการแถลงนโยบาย ส่วนความพร้อมในการ นำเสนอก็จะตามมา วันนี้ต้องเตรียมให้เกิดความพร้อมก่อน และรัฐบาลได้เตรียมมาตรการไว้ครบถ้วน และพร้อม นำเสนอต่อสาธารณชนไว้เรียบร้อยแล้ว และความเชื่อมั่น จะกลับมา อย่างไรก็ตาม เรื่องของมาตรการดำเนินงานคาดว่าภายในสัปดาห์นี้ถ้ามีเวลานายกฯได้ฝากเรื่องไว้กับ ตนว่าอยากจะให้มีการพูดคุยกัน เพื่อแก้ปัญหาและรับฟัง ข้อมูลด้านต่างๆ รวมถึงการดำเนินงานของแบงก์ชาติด้วย
“พรทิวา” มั่นใจเปิดตลาดต่างชาติ
ขณะที่นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า มั่นใจมากที่มารับงานด้านนี้ จะทำงานเป็นทีม คงทำงาน คนเดียวไม่ได้ โดยทีมที่ปรึกษาของตนจะมีทั้งผู้ส่งออก นักวิชาการ ผู้สื่อข่าวถามว่า ฟังดูแล้วจะมั่นใจทีมที่ปรึกษา มากกว่าตัวเองหรือไม่ นางพรทิวาตอบว่า ตัวเองมีประสบการณ์ จะบริหารนโยบายในการกระจายงานให้ตรงตาม ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน จะทำงานเป็นทีม โดยจะเปิดตัวทีมที่ปรึกษา วันที่ 24 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ เมื่อถามว่า ขณะนี้ยอดส่งออกของประเทศเดือน พ.ย. ติดลบ 18% จะแก้ปัญหาอย่างไร นาง พรทิวตอบว่า ต้องเข้าใจว่าตอนนี้เกิดวิกฤติโลกที่มากระทบ กับประเทศไทย ยอดส่งออกลดลง เพราะประเทศคู่ค้าของ ไทยเป็นประเทศที่มีปัญหา ในส่วนของประเทศไทยต้องเน้นการดูแลภายในและต่างประเทศที่ต้องเปิดตลาดใหม่ รวมถึงต้องมีการเดินสาย ตนจะเป็นแม่ค้าออกไปขายของ จะทำงานให้เร็วที่สุด ไม่หนักใจ เพราะมีทีมช่วยเหลือที่ดี
“ชุมพล” ดึง “วีระศักดิ์” ที่ปรึกษา
ทางด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า จะเข้ากระทรวงวันที่ 24 ธ.ค. เวลา 09.09 นาที เมื่อเข้าไปแล้วจะไปตัดสินการทำงานเรื่องต่างๆทันที ขณะนี้กำลังจัดลำดับความสำคัญแต่ละเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ภาคเอกชนขอมาที่มีหลายเรื่อง ทั้งการลดภาษี การขอ ความช่วยเหลือดึงนักท่องเที่ยวกลับมาในช่วงที่เป็นไฮซีซั่น ต้องดูว่าช่วงนี้จะใช้อะไรเป็นประโยชน์ได้บ้าง ไม่ต้องห่วง เชื่อใจได้ ทำได้แน่ เพราะทีมที่ปรึกษาตนใช้ได้ จะเชิญนาย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา มาเป็น ที่ปรึกษาใหญ่ เมื่อถามว่า นายวีระศักดิ์จะมาเป็นที่ปรึกษา ได้หรือไม่ เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายชุมพลตอบ ว่า ได้ งานราชการ กับงานการเมืองเป็นคนละส่วนกัน ไม่ได้ ให้นายวีระศักดิ์มาทำเรื่องการเมือง ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ย้อน “เสนาะ” หมาหอนบ้านใคร
ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ เพราะเป็น รมต.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์มา 3 หนแล้ว ส่วนความมั่นใจว่ารัฐบาลจะยุติปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่นั้น ขอฝากถึงนายกฯว่าถ้ารัฐบาลสามารถจัดการปัญหาเรื่องของบุคคลได้ เชื่อมือว่าจะสามารถทำงานได้ เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาล ไฮแจ๊ค พล.ต.สนั่นตอบว่า ตนก็เคยทำแบบนี้มา เขาไม่ได้ เรียกไฮแจ๊ค เขาเรียกว่า การโน้มน้าวให้คนมาร่วมรัฐบาลได้ ซึ่งเห็นว่าหากทำเช่นนี้ได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ส่วนที่นายเสนาะออกมาพูด คงพูดในฐานะผู้มีอาวุโส มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แต่ถ้าจะย้อนไปดูเหตุการณ์ก่อนตั้งรัฐบาล ไม่รู้ว่าคืนหมาหอนเกิดที่หมู่บ้านใด ไม่รู้หมู่บ้านใคร
มั่นใจมือเพื่อนเนวินหยุดเสื้อแดง
เมื่อถามว่า มั่นใจเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า ฝากนายกฯไปแล้ว สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดคือการฝาก โดยเฉพาะเรื่องการจัดการกับบุคคลที่มาแต่ละ พรรคการเมือง ถ้าสามารถบริหารจัดการได้ การบริหารประเทศก็จะราบรื่น เมื่อถามถึงปัญหาที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 ธ.ค. พล.ต.สนั่นตอบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง มีเพียงครั้งเดียวที่ไปทุบรถ ส.ส. และส่วนตัวยังคิดว่าคนเสื้อแดงจะไม่ก่อความรุนแรง แต่รัฐบาลต้องเตรียมการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงอะไรขึ้นมา ส่วนที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาแสดงความยินดีกับ ส.ส.เพื่อนเนวินที่นครราชสีมา พล.ต.สนั่น ตอบว่า คงเป็นพวกเดียวกัน น่าจะช่วยกันระงับยับยั้งไม่ให้ เคลื่อนไหวได้
“นริศรา” มั่นใจทำงานได้แน่
ทางด้าน น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ไม่หนักใจที่ได้มาทำงานด้านการศึกษาเพราะเคยมีประสบการณ์การศึกษาเคยเป็นอาจารย์ ม.กรุงเทพ มา 5 ปี มั่นใจทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุชาติ ตันเจริญ หัวหน้ากลุ่มริมน้ำ ได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง น.ส.นริศรากล่าวว่า “เอาไว้ค่อยคุยกัน”
“กษิต” พร้อมลุยงาน
ทางด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ ระบุกรณีกลุ่มพันธมิตรฯปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุกว่า เอาไว้ก่อน ขอติดไว้ก่อน จะอธิบายในเวลาอันควร แต่เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เพราะโปรดเกล้าฯลงมาแล้วก็ต้องทำงาน พรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) จะลุยเรื่องงาน เมื่อถามว่า ตอนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอังกฤษ มีอารมณ์เป็นกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ จึงพูดเช่นนั้น นายกษิตตอบว่า ไม่มีๆ มีอารมณ์ของการรับใช้ประเทศชาติ มีอยู่อารมณ์เดียว ตั้งแต่เกิดมาก็รับราชการ สบายใจได้ว่าทุกสิ่งทำเพื่อชาติ ทำสิ่งถูกต้อง ทำงานมา 37 ปี ไม่มีความด่างพร้อย เมื่อถามว่า ห่วงไหมว่า คำพูดดังกล่าวจะถูกนำไปตีความทางลบ นายกษิตตอบว่า แล้วแต่คนว่าฟังอย่างไร มันเป็นเรื่องเมื่อวานนี้แล้ว อย่าไปตีความ เมื่อถามว่า ถูกมองว่าได้เป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นโควตากลุ่มพันธมิตรฯ นายกษิตตอบว่า ไม่มี เมื่ออาสาเข้ามาทำงาน ก็ทำงานเต็มที่ ไม่มีใครสั่งให้เข้ามา เมื่อถามว่า เหตุการณ์ในอดีตจะมาทำร้ายตัวเองในปัจจุบันหรือไม่ นายกษิตตอบว่า “ผมยืนอยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ใช่เรื่องแห่งความเลวร้าย แต่เป็นเรื่องแห่งความงดงาม”
ยัน ปชป.เคลียร์ “เฉลิมชัย” ได้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.45 น. นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนยันว่ามีแก๊งออฟโฟร์ เข้ามาจัดโผ ครม.ในพรรคว่า เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ ขอให้นายเฉลิมชัยสบายใจได้ว่าตนไม่ได้เป็นแก๊งไหนไม่มีเด็ดขาด นิสัยคนอย่างตนไม่ตั้งแก๊งล็อบบี้หาเผือกร้อนเข้าตัวแน่นอนขอให้สบายใจอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน แล้วเรื่องนี้เอาไว้ ค่อยทำความเข้าใจกัน คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ขอให้ นายเฉลิมชัยสบายใจก่อน แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในพรรคก็ไม่เป็นไรเอาไว้จัดการกันเองได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นปัญหาภายในพรรคก็จริง แต่ภาพที่ออกมาส่งผลกระทบทำให้ภายนอกมองว่าในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเสถียรภาพ นายวิทยาตอบว่า ก็ไม่ดี แต่สื่อมวลชนไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องพรรคจะคุยกันเอง เมื่อถามว่า นายเฉลิมชัยระบุว่านายกฯ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุย นายวิทยาตอบว่า นายกฯ ลงไปดูเรื่องนี้ด้วยตนเองถือว่าดีที่สุดแล้ว
“สาทิตย์” โวยไม่มีแก๊งไม่มีกลุ่ม
วันเดียวกันนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นแก๊งออฟโฟร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น ถึงกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุภายในพรรคประชาธิปัตย์ มีแก๊งออฟโฟร์ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับนายเฉลิมชัย แต่ทำงานด้วยกันมาตลอด ประเด็นดังกล่าวทำให้สาธารณะเข้าใจว่ามีใครเป็นไอ้โม่งจัดโผ ครม. ขอยืนยันว่าพรรคไม่มีแก๊งไม่มีกลุ่ม ส่วนกรณีที่จะได้รับการแบ่งงานให้เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลสื่อของรัฐนั้น แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจนเรื่องสื่อสารมวลชน เนื่องจากเป็นวิชาชีพเฉพาะ มีจรรยาบรรณ ดังนั้น การนำเสนอข่าวต้องมีความรอบด้าน ปราศจากการครอบงำ มีการเปิดพื้นที่ให้สื่อเสรี ที่รับผิดชอบและโปร่งใส ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นส่วนรายการนายกฯพบประชาชนเกิดขึ้นแน่นอน รวมทั้งต้องเปิดพื้นที่รายการให้ฝ่ายค้านพบประชาชนด้วย เพื่อสร้างมาตรฐานสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับข้อมูลครบถ้วนเสียงประชาชนทุกกลุ่มมีโอกาสสื่อสารผ่านสื่อสารมวลชน ไม่ใช่เสียงผู้มีอำนาจฝ่ายเดียว
“เฉลิมชัย” แฉซ้ำ ปชป.มีแก๊งออฟโฟร์
ทางด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ผิดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ขอยืนยันว่าแก๊งออฟโฟร์ของพรรคประชาธิปัตย์มีจริง หากไม่เชื่อไปสอบถาม ส.ส.ในพรรคที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด หรือเจ้าหน้าที่พรรคจะทราบข้อเท็จจริง การออกมาแสดงความในใจไม่ได้มีความกระสันอยากเป็นรัฐมนตรี เพราะหากจะเป็นสามารถทำได้ตั้งแต่ปี 2548 และยังมีหลายช่องทางที่จะสามารถทำให้ได้ตำแหน่งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ ต้องการให้ กระบวนการของพรรคดีขึ้นและเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคเข้าไปดำเนินการลำพังตัวเองที่เป็นรองหัวหน้าพรรคก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งที่เป็นรองหัวหน้าพรรค เพราะครั้งที่มีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อคัดเลือกรัฐมนตรียังถูกเชิญตัวออกจากห้องประชุม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนก็จะเข้าพรรคเพื่อทำงานให้ต่อไปเป็นปกติ ส่วนเรื่องการลาออกนั้นไม่เคยพูดเป็นเรื่องอีกไกลและวันนี้ยังยืนยันว่ามีความศรัทธาพรรคอยู่เช่นเดิมและไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเคลียร์เรื่องนี้ด้วย