วันเสาร์, ธันวาคม 13, 2551

ชมจันทร์ดวงโต โหรทักมีดี-ร้าย

ตามที่องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซา ออกมาเชิญชวนให้คนทั่วโลกชมปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวงในค่ำคืนวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งจะเห็นพระจันทร์ดวงโตและสว่างที่สุดในรอบปี โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากดวงจันทร์โคจรเป็นรูปวงรี ทำให้มีด้านที่อยู่ใกล้โลกมากกว่าด้านอื่นๆ 50,000 กิโลเมตร ซึ่งในภาษาของนักดาราศาสตร์ ด้านที่อยู่ไกลสุดคือ “อะโพจี” (apogee) และด้านที่ใกล้สุดคือ “เพริจี” (perigee) โดยในคืนวันที่ 12 ธ.ค. ดวงจันทร์จะอยู่ในตำแหน่ง “เพริจี” ส่งผลให้ดวงจันทร์ดูใหญ่กว่าจันทร์เต็มดวงเมื่อช่วงต้นปี ถึงร้อยละ 14 และสว่างมากกว่าร้อยละ 30 ช่วงเวลาดีที่สุดที่จะชมดวงจันทร์คือ ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้าซึ่งเห็นได้ทั้งคืนวันที่ 12 และ 13 ธ.ค.ขณะที่ผลกระทบจากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้โลกนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นสูงกว่าปกตินั้น
ด้านความตื่นตัวของคนไทยต่อปรากฏการณ์พระจันทร์ดวงกลมใหญ่กว่าปกติในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 12 ธ.ค. เกิดปรากฏการณ์ ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าวันอื่นๆคนไทยมักเรียกวันนี้ว่า “วันพระใหญ่” โดยทุกคนสามารถเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ โดยเฉพาะเวลา 23.00-24.00 น. จะเห็นดวงจันทร์ กลมโตสุกสว่างซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั่วไป โดยดวงจันทร์ดังกล่าวจะมีความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 33.5 ลิปดา ซึ่งต่างจากดวงจันทร์ปกติที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 30 ลิปดา อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง เพียงแต่ระยะห่างจากโลกที่ทำให้เห็นดวงจันทร์กลมโตสุกสว่างจะแตกต่างกัน ซึ่งครั้งนี้ถือว่าดวงจันทร์มีลักษณะโตที่สุด โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากนี้จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 15-18 ปี
“ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง หากมองเห็นดวงจันทร์กลมโตกว่าปกติ หรืออยู่บริเวณขอบฟ้าย่อมแสดงว่าเป็นช่วงน้ำขึ้น แต่หากเห็นดวงจันทร์อยู่สูงมากหรือไกลออกไปแสดงว่าเป็นช่วงน้ำลงนั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วม เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าปกติไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น” นายนิพนธ์กล่าว
ด้าน น.ส.ประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกนั้น คนไทยสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าและมองเห็นได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกดินทางทิศตะวันออก ซึ่งการที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี โดยดวงจันทร์จะห่างจากโลก เฉลี่ย 380,000 กิโลเมตร แต่สำหรับปีนี้โคจรใกล้ที่สุด 356,566 กิโลเมตร ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติร้อยละ 14 มีแสงสว่างกว่าปกติ ที่เคยเห็นร้อยละ 30 สิ่งที่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป สามารถเรียนรู้ได้ นอกเหนือจากดูความสวยงามของดวงจันทร์แล้ว ความรู้ทางดาราศาสตร์ที่จะได้รับคือ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าดวงจันทร์โคจรรอบโลกเป็นวงรี ซึ่งจะทำให้เกิดระยะใกล้และไกล เมื่อดวงจันทร์โคจรใกล้มากขนาดนี้เราก็จะเห็นหลุมต่างๆบนดวงจันทร์ หรือที่เราเปรียบเทียบว่าเป็นกระต่ายบนดวงจันทร์ ก็จะเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะดูดวงจันทร์ด้วยกล้องส่องทางไกล เพราะแสงจะสว่างจ้ามากเกินไป และสามารถดูได้ด้วยตาเปล่าก็สวยงามอยู่แล้ว นอกจากนี้ การที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกเช่นนี้ ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะส่งยานอวกาศจากโลกไปสำรวจดวงจันทร์ เพราะจะประหยัดพลังงาน
นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในปี 2009 จะเกิดมหกรรมสุริยุปราคารอบปี 2009 ที่สามารถดูได้ในประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค.2552 ประชาชนจะสามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาเป็นบางส่วนได้ทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง และโลกอยู่ในแนวเดียวกันและระนาบเดียวกัน ซึ่งเงาของดวงจันทร์จะบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้มาถึงโลก ทำให้เห็นดวงอาทิตย์แหว่งครึ่งดวง หรือแหว่งไปประมาณร้อยละ 45
น.ส.ประพีร์กล่าวอีกว่า สำหรับกรุงเทพมหานครจะสังเกตเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ตั้งแต่เวลา 15.53 น. จนถึงช่วงที่พระอาทิตย์เกือบตกเวลา 17.59 น. ของวันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การชมปรากฏการณ์นี้ไม่สามารถชมได้ด้วยตาเปล่า รวมทั้งห้ามใช้ฟิล์มเอกซเรย์ ฟิล์มขาวดำ กระจกรมควันประกอบการดูด้วย ซึ่งอาจทำให้เป็นโรคต้อกระจก หรือตาบอดได้ ทั้งนี้ สมาคมดาราศาสตร์ไทยจะมีการจัดทำฟิล์มพิเศษที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการดูปรากฏการณ์สุริยุปราคาเป็นการเฉพาะ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามวิธีการดูเพิ่มเติมได้ที่สมาคมดาราศาสตร์ ไทย 0-2381-7409 นอกจากนี้ ประเทศที่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาในวันที่ 26 ม.ค.ปีหน้า เป็นวงแหวนจะอยู่ในแถบทะเลมหาสมุทร อาทิ เกาะเซลีเบส ประเทศอินโดนีเซีย เกาะมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ ช่องแคบกะริมาตา เกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ค.2552 ซึ่งประเทศไทยจะเห็นเป็นบางส่วนเท่านั้น ก่อนรุ่งสางเวลา 07.00-09.00 น.
ส่วนความเชื่อของคนไทยที่มีต่อวันพระจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกตินี้ พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์กล่าวว่า ปกติวันขึ้น 15 ค่ำ หรือขึ้น 8 ค่ำ ถือเป็นวันมงคล ซึ่งครั้งนี้พระจันทร์เต็มดวง ใกล้โลกมากที่สุด ตามความเชื่อแล้ว ถือว่าเป็นฤกษ์มงคล เป็นวันพระและวันดีในการประกอบกิจการต่างๆ บางคนจะนิยมมาอาบน้ำใต้แสงจันทร์ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ หรือคืนวันเพ็ญ เพราะตามคติความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ การอาบน้ำใต้แสงจันทร์จะเป็นการเสริมดวงชะตาจากดวงดาว เป็นการขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต ทำให้การทำงานต่างๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนวันเพ็ญที่ประชาชนนิยมอาบน้ำใต้แสงจันทร์มากที่สุด คือวันเพ็ญ เดือน 12 เพราะเป็นคืนที่มีน้ำขึ้นเต็มฝั่งมากที่สุด ซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การอาบน้ำใต้แสงจันทร์สามารถทำได้ทุกวันเพ็ญ รวมทั้งเป็นการเริ่มต้นของการทำความดี ลดละกิเลสในวันพระด้วย
ขณะที่นายโสรัจจะ นวลอยู่ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า ปรากฏการณ์พระจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติในครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่พระจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 15 ปี ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์แล้ว มีความหมายทั้งเรื่องดีและเรื่องเคราะห์ กล่าวคือในเรื่องที่ดี จะเกิดทิศทางในเรื่องการเมืองที่เป็นในทางสันติ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นๆ ไม่ถึง 1 เดือน แต่จากนั้นผู้คนจะเกิดความขัดแย้งทางอารมณ์มากขึ้น โดยความขัดแย้งจะทวีมากขึ้นจนถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อได้ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจจะมีผลกระทบอย่างหนักจากทั้งในและนอกประเทศ โดยจะเกิดตั้งแต่ต้นปี 2552 เป็นต้นไป ปัญหาคนว่างงานเพิ่มมากขึ้น การปล้นของมีค่าเพิ่มมากขึ้น หุ้นจะยังคงตกอยู่ โดยหุ้นจะเริ่มตกตั้งแต่ 2-3 วันนี้ แต่จะสามารถผ่านวิกฤติไปได้ อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงนี้ดูเหมือนสถานการณ์ ต่างๆ จะผ่อนคลายลง แต่หากเลย 1 เดือนไปแล้ว เหตุการณ์ ต่างๆ จะทวีความรุนแรงมากขึ้น การเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้คนไทยสามัคคีกันไว้ ใจเย็น และรู้จักระงับอารมณ์