วันเสาร์, ตุลาคม 25, 2551

บ้านและสวนแฟร์ 2008 "Green House Effect "

ท่ามกลางอุณหภูมิร้อนจากภาวการณ์การเมืองภายในประเทศ ก็อยากจะชวนคุณๆ ผู้อ่านหลบมาเที่ยวงาน "บ้านและสวนแฟร์ 2008" มองเทรนด์ตกแต่งอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-2 พฤศจิกายนนี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ธีมสำหรับปีนี้ : กรีน โฮม เอฟเฟกท์ ด้วย เพราะต้องการทำให้โลกสะอาด หรือเรียกว่า "โลกเขียว" นั้น ควรจะเริ่มจาก “ใจ” จิตใจที่พอเพียง จะทำให้มีความต้องการลดน้อยลง การผลิตที่พอเหมาะไม่มากเกินไป ก็ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก ขยะก็น้อยลง ดังนั้นโลกก็จะมีเวลาฟื้นฟูทำความสะอาดตัวเอง และมีเวลาสร้างทรัพยากรใหม่ขึ้นมาทดแทน
คอนเซ็ปต์ดังกล่าวนี้ จะปรากฏอยู่ในงานดีไซน์ต่างๆ ภายในงานบ้านและสวนแฟร์ปีนี้ เป็นไอเดียดีไซน์ ที่มีการจัดวางอย่างลงตัว โดยนำของเหลือใช้ที่ดูเหมือนหมดคุณค่าแล้ว แต่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น แกนกระดาษ เศษกระดาษ ขวดพลาสติก นำมาตกแต่งและทำให้ออกมาเป็นงานดีไซน์ได้อย่างคาดไม่ถึง หรือแม้แต่การนำตู้คอนเทนเนอร์เก่ามาปรับสร้างเป็น “บ้านตัวอย่าง” โดยมีการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน สามารถอยู่ได้จริง
บ้านและสวนแฟร์ 2008 มีเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดงานนี้
1.ราคาพิเศษ สินค้าทุกหมวดเกี่ยวกับบ้านและสวนกว่า 2,000 บูธ
2.จุใจ ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ คัดสรรมากว่า 160 บูธ ในซีเลคท์ โซน พร้อมบูธต้นไม้และของแต่งสวนรวมกว่า 300 บูธ
3.ไม่เหมือนใคร บ้านสร้างจริง ดัดแปลงจากคอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า ตกแต่งด้วยวัสดุ และแนวคิดอนุรักษ์ธรรมชาติ
4.ตระการตา 10 สวนชนบทอังกฤษขนาดย่อม และสวนโชว์แนวตั้ง
5.แปลกใหม่ สวนโชว์ไอเดียที่คุณนำกลับไป DIY ได้แสนง่าย อาทิ รียูซ การ์เดน, สวนแนวตั้ง, สวนมอส, ห้องทำงานในสวน, ห้องน้ำในสวน, สวนหนังสือ
โดยซีแพ็คดีไซน์ ทั้งรั้วคาสตัล สโตน คอนกรีต, บล็อกปูพื้น และกระเบื้องคอนกรีตปูพื้นภายนอก มาประกอบเข้าด้วยกันกลายเป็นชุดแต่งสวนดีไซน์สวย ผสานระหว่างฟังก์ชันและดีไซน์ที่ลงตัว มีการจัดสวนเป็นตัวอย่างทั้งหมด 14 ชุด แต่ละชุดจะมีรูปลักษณ์และขนาดที่แตกต่างกันไป (ตั้งแต่พื้นที่ 1-9 ตร.ม.) เพื่อให้เหมาะกับแต่ละขนาดพื้นที่ และกลมกลืนกับแต่บ้านและสวนแต่ละสไตล์
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ผู้ร่วมงานสนุกมากมายตลอดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. และที่พลาดไม่ได้ ! อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพียงลงทะเบียนในงานมีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ รุ่น VAT (SRS) มูลค่า 6.5 แสนบาท

น้ำมันในตลาดโลกยังร่วงแม้กลุ่มโอเปคลดกำลังผลิต

ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลง แม้โอเปคจะตัดลดกำลังผลิตเพื่อดึงราคาให้สูงขึ้นก็ตาม
(25ต.ค.) ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้างวดส่งมอบเดือนเดือนธันวาคมที่ตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐลดลง 3.69 ดอลลาร์ อยู่ที่ 64.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยดีดกลับขึ้นมาจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายที่ร่วงลงไปแตะ 62.85 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนที่ตลาดลอนดอนที่ร่วงลงเช่นกัน 3.87 ดอลลาร์ อยู่ที่ 62.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ที่ประชุมฉุกเฉินของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปคที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวานนี้ จะปรับลดกำลังผลิตลงวันละ 1 ล้าน 5 แสนบาร์เรล
ผู้ค้าและนักวิเคราะห์ต่างมองว่าการที่ท่าทีของโอเปคไม่ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเป็นเพราะตลาดปักใจเชื่อว่าความต้องการน้ำมันจะลดลงอย่างมากจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ประกอบกับรายงานของกระทรวงคมนาคมสหรัฐที่ออกมาเมื่อวานนี้ซึ่งแสดงตัวเลขระยะทางขับขี่ยวดยานรายเดือนในสหรัฐซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 66 ปี
ขณะที่ตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐก็ร่วงลงแรงตามตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชีย โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดการซื้อขายเมื่อวานนี้ ร่วงลง 312.30 จุด อยู่ที่ 8,378.95 จุด หลังจากที่เปิดตลาดดิ่งลงทันทีกว่า 400 จุด เพราะนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่า โลกจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาการถดถอยทางเศรษฐกิจ จึงพากันเทขายหุ้นทิ้ง

เศรษฐกิจพอเพียง ปาฏิหาริย์ในเลโซโท ตอนจบ

ต้องสั่งนำเข้าอาหารจากต่างประเทศมากถึง 70%
“เราผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอ เนื่องมาจากภูมิอากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน แล้งจัด ฝนมากจนเกินไป และเนื้อที่เพาะปลูกทำการเกษตรมีน้อย โดยเฉลี่ยแล้วเกษตรมีที่ดินเฉลี่ยกันครอบครัวละ 0.5-1 แฮกตาร์ (ประมาณ 3-6 ไร่) เท่านั้น
ประกอบกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาประเทศเน้นไปที่อุตสาหกรรมมากขึ้น ส่งผลให้แรงงานจากในชนบทอพยพหลั่งไหลเข้ามาในเมืองมากขึ้น ทำให้ประเทศเกิดปัญหาขาดแคลนเรื่องอาหาร ที่ผลิตได้แค่ เพียง 30% ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากถึง 70%” นายสตีเฟน โมฟูเบตโซอานา รองปลัดกระทรวงเกษตรและความมั่นคงของอาหาร ให้เหตุผลที่ทางรัฐบาลเลโซโทให้ความสนใจในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่สมเด็จพระราชาธิบดี นำแบบอย่างมาจากประเทศไทย และทำให้แนวพัฒนาประเทศต้องพลิกกลับ เน้นพัฒนาชนบทมากขึ้น
แต่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจากไทย จะช่วยได้แค่ไหนยังเป็นเรื่องกังขาของคนทั่วไป
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนไทยด้วยกันเอง เพราะแค่ได้ยินได้ฟังแค่คำว่า “พอเพียง” แล้วไม่หรู ไม่รวย ไม่มีใครอยากทำ
คนต่างถิ่น ต่างทวีป ซึ่งไม่เคยรู้เห็นเศรษฐกิจพอเพียงมาก่อน... รู้สึกไม่ต่างกัน
เมื่อถามว่า ได้ยินคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงครั้งแรกในชีวิตแล้วรู้สึกเช่นไร
นายเทโล สโกเน ข้าราชการบำนาญวัย 65 ปี อดีตผู้อำนวยการด้านพืชไร่ กระทรวงเกษตรฯเลโซโท...เอาแต่หัวเราะ
“ตอนแรกที่ได้ยิน ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และไม่แน่ใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้กับชาวเลโซโทได้จริงหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นว่าเป็นโครงการที่กษัตริย์เลโซโทสนพระทัย นำมาจากประเทศไทย เพื่อการช่วยเหลือเกษตร กรยากจน
ก็คิดไว้ก่อนว่าคงจะดี ไม่อย่างนั้นกษัตริย์เลโซโทคงไม่นำมา แต่จะดีจริงแค่ไหน ช่วยเกษตรกรได้จริงหรือเปล่า ขอลองลุ้นดูผลงานสักระยะหนึ่งก่อน”
เพราะที่ผ่านมาด้วยประสบการณ์ทำงานที่กระทรวงเกษตรมายาวนาน รู้เห็นอะไรมามากมาย ผ่านสารพัดโครงการพัฒนาเกษตรกรมาไม่น้อย จึงประเมินค่า แค่เพียงว่า เศรษฐกิจพอเพียงคงให้ผลลัพธ์ไม่ต่างกับโครงการอื่นๆ
ที่ทำไปทำมา...ชาวบ้านไม่เพียงไม่รวยขึ้น ยังได้โอกาสเป็นหนี้มากเป็นเงาตามตัว
แต่หลังจากอดีตข้าราชการบำนาญผู้นี้ ถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ขอร้องให้เข้ามาเป็นผู้จัดการโครงการเศรษฐกิจพอเพียงไทย-เลโซโท แทนคนเก่าซึ่งเป็นคนหนุ่ม
เนื่องจากต้องการความเป็นผู้อาวุโสที่สามารถประสานงานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ และได้รับความยอมรับ เกรงอกเกรงใจจากข้าราชการอื่นๆ เมื่อได้มาลงมือทำเอง ได้เห็นกับตาตัวเอง และเข้าใจในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญไทยถ่ายทอดให้ สิ่งที่ นายเทโล สโกเน เคยกังขาในเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนไปทันที
“โครงการจากประเทศไทยนี้ สามารถนำไปแก้ปัญหาให้กับคนเลโซโทได้จริง เพราะเป็นแนวทางการนำทรัพยากรที่เรามีอยู่มาใช้ประโยชน์ ให้คุ้มค่าเต็มที่
ช่วยให้ชาวบ้านสามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ ปุ๋ยทำเอง เมล็ดพันธุ์ก็ใช้ของตัวเอง ไม่ต้องไปซื้อหาให้เปลืองเงิน”
เพราะสาเหตุของความยากจนของคนเลโซโทส่วนหนึ่ง ก็แบบเดียวกับคนไทย นั่นคือซื้อแทบทุกอย่าง...ปุ๋ยก็ซื้อ เมล็ดพันธุ์ก็ซื้อ สุดท้ายก็เป็นหนี้
“โครงการช่วยเหลือเกษตรกรจากรัฐบาลเลโซโทที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ จะเป็นการแนะนำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมี ใช้เมล็ดพันธุ์แบบนั้นแบบนี้ แต่เกษตรกรต้องควักเงินซื้อเอง และเมื่อเกษตรกรแห่ปลูกกันมาก ปลูกเหมือนกัน ผลผลิตที่ออกมาล้นตลาด ถูกพ่อค้ากดราคาซื้อ เป็นหนี้เป็นสินธนาคาร และถูกธนาคารยึดที่ทำกินไป”
แต่หลักการเศรษฐกิจพอเพียงที่ผู้เชี่ยวชาญไทยแนะนำ นายเทโล สโกเน บอกว่า สอนให้เราพึ่งพาตัวเอง ปลูกให้ตัวเองมีกินพอเพียงไว้ก่อน มีเหลือแล้วค่อยขาย
ถึงจะไม่ได้เงินก้อนใหญ่มากเหมือนกับมีเท่าไรขายหมดอย่างเมื่อก่อน แต่ช่วยให้เรามีเงินเก็บมากกว่า...เพราะมีกินอิ่ม เหลือขายมีแต่ได้กำไรเก็บเข้าบ้าน ไม่ต้องจ่ายเงินให้ใคร
ผิดกับแบบที่เคยเป็นมา มีเท่าไรขายหมด แล้วซื้อเขากิน เงินมีไม่พอ สุดท้ายก็เป็นหนี้ นิซีอัว เลทซี ผู้ช่วยเกษตรสาว เขตมาซารุ (เมืองหลวงของเลโซโท) กล่าวยอมรับว่า ความยากจนของชาวเลโซโทส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อดั้งเดิม
“ที่ผ่านมาเกษตรเลโซโท นิยมปลูกพืชชนิดเดียว หรือพืชเชิงเดี่ยว ปลูกแล้วขายหมด ไม่ปลูกพืชอย่างอื่น ผสมผสานเหมือนอย่างที่โครงการเศรษฐกิจพอเพียงทำ สาเหตุมาจากชาวบ้านเชื่อว่า การปลูกพืชหลายชนิดในแปลงเดียวกัน พืชจะตาย
ก็เลยปลูกอย่างเดียว แต่หลังจากมีการนำเศรษฐกิจแบบพอเพียงจากประเทศไทย มาทดลองทำ มีการปลูกพืชหลายอย่างรวมกัน เกษตรกรที่ทราบข่าวต่างอยากจะมาดูให้เห็นกับตาว่าเราสามารถปลูกพืชหลายชนิด ในที่ดินแปลงเดียวกันได้
ชาวบ้านที่รู้เรื่องต่างมีความสุข รู้สึกตื่นเต้นอยากจะมาดูมาเห็นของจริงว่า ในโลกก็มีการปลูกพืชอย่างนี้ได้ด้วย และต้องการจะเอารูปแบบนี้ไปทำในที่ดินของตัวเอง”
แม้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของกษัตริย์ไทยจะช่วยพลิกชีวิตชาวเลโซโทได้จริง แต่ผู้ช่วยเกษตรสาวคนรุ่นใหม่ มีความกังวลว่า แนวทางนี้จะได้ผล สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีแหล่งน้ำ
ทุกวันนี้ เกษตรกรเลโซโท 90% ยังคงยึดมั่นการปลูกพืชแบบพึ่งพาน้ำฝนอย่างเดียว...ครั้นจะใช้ระบบชลประทาน คงทำไม่ไหวเพราะค่าใช้จ่ายแพงเกินไป แต่แนวทางหนึ่งที่พอจะทำได้นั่นคือ คงต้องให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน จัดการทำระบบผันน้ำจากภูเขา จากหิมะที่ละลายลงมายังแปลงเกษตร
“ที่ผ่านมาเราไม่เคยคิดจะทำกัน ได้แต่รอน้ำจากฝนบนฟ้าอย่างเดียว แต่เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นจากที่ผู้เชี่ยวชาญไทยได้ทำขึ้นกับแปลงสาธิตนี้ เราเชื่อชาวเลโซโทก็ทำได้”
เพียงแต่ขอให้คนเลโซโท มีโอกาสเห็นกับตาเท่านั้นเองว่า เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ในโลก.

เขื่อนสิริกิติ์แจ้งลดปล่อยน้ำ เตรียมรับมือภาวะภัยแล้ง

นายทรงชัย เครือเอื้ออาชว์ หัวหน้าแผนกเดินเครื่อง เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ กล่าววันนี้ (25 ต.ค.) ว่า ขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 8,246 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 87% มากกว่าปีที่ผ่านมา เพียง 841 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ยเพียงวันละ 21 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ดังนั้น ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.นี้ เป็นต้นไป จำเป็นต้องลดการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเหลือเพียงวันละ 7-8 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปกติที่เคยปล่อยวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ลดลง 50% เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งและภาวะโลกร้อน ที่คาดว่า จะขยายวงกว้างและรุนแรงมากกว่าทุกปี

หัวหน้าแผนกเดินเครื่อง เขื่อนสิริกิติ์ กล่าวต่อว่า วิงวอนให้พี่น้องประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด รู้คุณค่าและขอความร่วมมือเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูก 2 ฝั่งแม่น้ำน่าน ติดตามสถานการณ์น้ำและผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้งอย่างใกล้ชิด

วันศุกร์, ตุลาคม 24, 2551

เฮค่ารถเมล์ ลด 1.50 บาท

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 ต.ค. นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการปรับลดค่าโดยสารเนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 23.94 บาท จึงเห็นชอบให้ปรับลดค่าโดยสารประจำทาง (รถเมล์) สำหรับรถเมล์ธรรมดาปรับลดลง 1.50 บาท โดยรถธรรมดาขาว-น้ำเงิน จาก 10 บาท เหลือ 8.50 บาท รถธรรมดาครีม-แดง จาก 9 บาท เหลือ 7.50 บาท
ส่วนรถปรับอากาศปรับลดราคาลงช่วงละ 1 บาท โดยรถปรับอากาศธรรมดาขาวน้ำเงิน ลดลงช่วงละ 1 บาท จาก 12-24 บาท เหลือ 11-23 บาท รถปรับอากาศยูโรทู (เหลืองส้ม) ปรับลดลงช่วงละ 1 บาท จาก 13-25 บาท เหลือ 12-24 บาท ส่วนรถมินิบัสปรับลดลง 1 บาท จาก 8 บาท เหลือ 7 บาท และรถสองแถวปรับลดลง 1.50 บาท จาก 7.50 บาท เหลือ 6 บาท ขณะที่รถโดยสารประจำทาง (รถทัวร์) ปรับลดลงกิโลเมตรละ 3 สตางค์ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือจะลดลงเท่าไร ต้องรอประชุมคณะกรรมการพิจารณา อัตราค่าโดยสารเรือประจำทางประชุมเพื่ออนุมัติ คาดว่าจะประชุมภายใน 1-2 วันนี้
ด้านนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ได้เห็นชอบให้จัดทำตารางการกำหนดโครงสร้างราคาค่าโดยสารที่อิงตามราคาน้ำมัน โดยมอบหมายให้ นายทะเบียนกลางรับไปพิจารณา ซึ่งในรายละเอียดจะต้องรอผลการศึกษาที่ทางกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่าง ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำการศึกษาเพื่อประเมินหาต้นทุนด้านการขนส่งที่แท้จริงก่อนที่จัดทำโครงสร้างราคา เพื่ออำนวยความสะดวกปรับเพิ่มหรือลดค่าโดยสารให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที
ทั้งนี้ ตามที่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. ได้เสนอให้จัดทำโครงสร้างราคาค่าโดยสารที่ยืดหยุ่น เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อช่วยให้การปรับเปลี่ยนราคาดำเนินการได้ทันที ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ ต้องใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลและกำหนดอัตราที่เหมาะสมต่อไป ยัง ไม่ได้นำเข้าหารือในที่ประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยกับแนวทางที่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.เสนอให้จัดทำโครงสร้างการปรับราคาเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทางของ บขส.แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะพิจารณาปรับค่าโดยสารทุกๆการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง 2.50 บาทต่อลิตรยังมีรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาประกอบ คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างราคา รวมทั้งต้องพิจารณาจากปัจจัยและต้นทุนอื่นๆประกอบเข้าด้วย ซึ่งการปรับราคาในครั้งนี้ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ปรับลดเท่ากับที่เคยปรับเพิ่มขึ้นไปก่อนหน้านี้
ด้าน น.ท.ปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย กล่าวภายหลังหารือผู้ประกอบการเรือไทย เพื่อพิจารณาราคาค่าโดยสาร หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงต่ำกว่าลิตรละ 25 บาทว่า ที่ประชุมมีมติเห็นร่วมกันว่า ยินดีที่จะปรับลดราคาค่าโดยสารเรือ แต่มีเงื่อนไขว่า หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมาลิตรละ 25 บาท ผู้ประกอบการเรือโดยสาร สามารถปรับขึ้นราคาได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางอีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนการเดินเรืออื่นไม่ได้มีการปรับลด เช่น ค่าแรงงาน และที่ผ่านมาผู้ประกอบการเพิ่งปรับลดราคา ได้ไม่ถึง 2 เดือนโดยเรือข้ามฟากปรับราคาวันที่ 12 ก.ย. ลดลง 0.50 บาท ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยาปรับราคาวันที่ 22 ก.ย. ระยะละ 1-2 บาท
สำหรับอัตราค่าเรือใหม่ ที่คาดว่าจะปรับลดลงคือ เรือข้ามฟากทุกท่าจะปรับลดราคา 0.50 บาท จาก 3.50 บาท เป็น 3 บาท ส่วนท่าเรือสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จะปรับลดจาก 4 บาท เป็น 3.50 บาท ยกเว้นท่าเรือสาทร ที่ปรับลดไปตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. จาก 3.50 บาท เป็น 3 บาท เรือประจำทางจะลดลง ระยะละ 1 บาท จาก 10-14 บาท เป็น 9-13 บาท เรือธงส้ม ลดลง 2 บาท จาก 15 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือ 13 บาท โดยราคาค่าโดยสารใหม่จะมีผลบังคับใช้ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางอนุมัติ ซึ่งจะมีการประชุมภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนเรือธงเหลือง จะยืนราคาเดิมคือ 20 บาทต่อคนต่อเที่ยว เนื่องจากเป็นเรือขนาดใหญ่ใช้ 2 เครื่องยนต์ ทำให้ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก หากราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือลิตรละ 20 บาทถึงจะปรับลดราคาลง 2 บาท จาก 20 บาท เป็น 18 บาท ส่วนเรือคลองแสนแสบปรับลดราคาลดลงระยะละ 2 บาท มีผลตั้งแต่ 20 ต.ค. เป็นต้นไป

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 23, 2551

ระวัง! ภัยในสารปนเปื้อนจากอาหาร

สารปนเปื้อนในอาหาร เป็นสารพิษที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งมีผลทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจนถึงเสียชีวิตได้ สารปนเปื้อนในอาหารแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ 2 ประเภทคือ
1. สารพิษที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แบ่งออกตามชนิดของสารพิษได้ดังนี้
สารพิษจากเชื้อจุลินทรีย์ เช่น สารอะฟลาทอกซิน (aflagoxin) ซึ่งเป็นสารสร้างจากเชื้อราพวก แอสเพอร์จิลลัส (aspergillus spp) รานี้เจริญได้ดีในถั่วลิสงและเมล็ดพืชที่ชื้น ซึ่งความร้อนสูงไม่สามารถทำลายสาร อะฟลาทอกซิน ได้ ส่วนใหญ่สารนี้จะตกค้างที่ตับทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับ
2. สารพิษที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ส่วนให้เป็นผลมาจากความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน มีดังนี้
สารตกค้างจากการเกษตร เช่น ดีดีที ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งอาจสะสมในอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
สิ่งเจือปนในอาหาร แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
1. สารกันอาหารเสีย เป็นสารที่ช่วยให้อาหารคงสภาพ รส กลิ่น เหมือนเมื่อแรกผลิตและเก็บไว้ได้นาน เช่น สารกันบูด สารกันหืน เป็นต้น
2. สารแต่งกลิ่นหรือรส เป็นสารที่ช่วยให้อาหารมีรสและกลิ่นถูกใจผู้บริโภค หรือใช้แต่งกลิ่นรส ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของแท้ หรือมีส่วนผสมอยู่มากหรือน้อยทั้งที่เป็นของเทียม
สารเหล่านี้ได้แก่ เครื่องเทศ สารกลิ่นผลไม้ สารรสหวานประเภทน้ำตาลเทียม ซึ่งเป็นสารที่ให้ความหวานแต่ไม่ใช่น้ำตาล ผงชูรสเป็นสารประกอบที่เรียกว่ามอโนโซเดียมกลูตาเมต ถ้าเป็นผงชูรสปลอมจะใส่ สารโซเดียมเมตาฟอสเฟตและบอแรกซ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตมาก
3. สีผสมอาหาร เป็นสีที่ใส่เพื่อจะช่วยแต่งเติมให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้น มีทั้งสีจากธรรมชาติซึ่งเป็นสีที่ได้จากพืชและสัตว์ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น สีดำจากถ่าน สีแดงจากครั่ง และสีสังเคราะห์ส่วนมากจะเป็นสารพิษที่ร้ายแรงต่อร่างกาย มักมีตะกั่วและโครเมียมอยู่ เช่น สีย้อมผ้า
จะเลือกซื้ออาหารมารับประทานเห็นทีผู้บริโภคอย่างเราๆ คงต้องระมัดระวังและใส่ใจกับสุขภาพกันให้มากยิ่งขึ้น.
เอื้อเฟื้อข้อมูลจาก อาจารย์นงคราญ ธาราทิพยกุล

เศรษฐกิจพอเพียง ปาฏิหาริย์ในเลโซโท

หลังจากที่สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักร เลโซโท ได้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะ ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2549
พร้อมเสด็จฯ เยี่ยมชมโครงการศูนย์ศึกษาและพัฒนา ห้วยฮ่องไคร้
อันเนื่องพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความสนพระทัยและนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงกลับไปช่วยเหลือชาวเลโซโท ด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือของประเทศไทย ผ่านทางสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงต่างประเทศ
2 ปีผ่านไป วันนี้คณะผู้เชี่ยวชาญจากไทยได้ให้ความช่วยเหลือสร้างศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่แก่เลโซโท บนที่ดิน 37.5 ไร่ ณ เมืองมาเซียง ที่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีฯ พระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้ทำเป็นแปลงสาธิตได้เป็นผลสำเร็จในระดับหนึ่ง
สามารถให้เจ้าหน้าที่เกษตรของเลโซโทรุ่นแรก เข้าไปศึกษาเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียงของไทยแล้ว เพื่อนำไปแก้ปัญหาความไม่พอเพียงให้กับประเทศที่ผลิตอาหารไม่พอให้คนในประเทศ ( อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ )

ค้ำประกันเงินฝากอีก 3 ปี นายกฯไฟเขียวคลังชงเข้าครม.

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววันนี้ (24 ต.ค.) ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เห็นชอบแนวทางการแก้ไขกฎหมายค้ำประกันเงินฝากเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ในวันอังคารที่ 28 ต.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาการค้ำประกันเงินฝากกับสถาบันการเงินให้กับประชาชนเต็มจำนวนออกไปอีก 3 ปี จากนั้น ให้คุ้มครองไปตามระยะเวลาที่ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้กำหนดไว้ในระยะยาว แต่ขณะนี้มีปัญหาวิกฤติ สถาบันการเงินทั่วโลกในระยะสั้น จึงต้องการดูแลผู้ฝากเงินเหมือนกับต่างประเทศที่ได้คุ้มครองเงินฝากไปแล้ว เพื่อให้ผู้ฝากเงินมีความมั่นใจไม่ถอนเงินฝากจากสถาบันการเงินต่างๆ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวต่อกรณีค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในรอบ 1 เดือน จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่า นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะรัฐบาลต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลง เพื่อช่วยเหลือภาคการส่งออก เป็นระดับที่น่าพอใจ ยอมรับว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 1 บาท จะทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 สตางค์/ลิตร ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนตามทิศทางที่รัฐบาลต้องการดูแลเศรษฐกิจภาพรวม

วันปิยะมหาราช

วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปีนั้น เป็นวันปิยะมหาราช เป็นวันที่สวรรคตของรัชกาลที่ 5 ซึ่งวันนั้น มีการวางพวงมาลาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ร.5 ทรงมีทั้งการเลิกทาส และอื่น ๆ เช่น สร้างการรถไฟฯ ในวันนั้น ประชาชนควรสำนึกพระมหากรุณาฯ ของรัชกาลที่ 5

วันพุธ, ตุลาคม 22, 2551

Hi 5 It has Virus

Today it has to Play Hi - 5. Please Warning Trotant Virus it has in Europe. It Open Web Came and Micophone Automatical . Trotant Virus it Promotion in Cilp VDO and Click . To Click Button OK , Cancel , Continue and Close It has Loading for Virus. It has Computer Working Slow. Thank You for Reading.

วันอังคาร, ตุลาคม 21, 2551

Book Expo

Today - 23 October it has Book Expo 13th at NCC it has book in expo. Until 23 October 2008. It has 12 Day. Today 21 October 2008. It has 2 Day. Imformation to Website www.thailandbookfair.com . It has 7 Hall
  1. C1
  2. C2
  3. Atrium
  4. Plenary Hall
  5. Main Foyer
  6. Plaza
  7. Hall A

Thank You for Reading. Good Luck To go NCC.

วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2551

Winter Season

In this November it has Winter in Thailand. It so cold and dry. And also Picture Today it Beautiful .

วันจันทร์, ตุลาคม 13, 2551

วันเสาร์, ตุลาคม 11, 2551

Answer to Correct

Today We to a knowleage of Thailand This Month Ask
In to a Comfirm of ก.ก.ต. Who is a governor of a province Bangkok

UM 1 : นายชูวิทย์
UM 2 : นายประภัสร์
UM 3 : นายอภิรักษ์

Answer To Answer Ex. " UM 1 : นายชูวิทย์ " Sent to a Answer to ussadrangacsp@hotmail.com And ussadrangmyemail@yahoo.co.th To Until 31 October 2008

วันอังคาร, ตุลาคม 07, 2551

การติดต่อช่องทางใหม่

ช่องทางใหม่สำหรับอันใหม่ คือ mywebsiteussadrang.igetweb.com นั้นแหละคือช่องทางใหม่ของการรับชม เป็นช่องทางที่ 2 ของเรา ( สร้างมาจาก http://www.igetweb.com/ ) ------ วีธีการสมัคร คือ เข้าไปที่ http://www.igetweb.com/ มีอยู่สองทาง คือ 1. มี Pacage ที่อยู่ริมซ้ายสุด จะมี Free , Standard , Value , Luxury , Excusive , Platinum และ Web Design Package ให้คลิกอันใดอันหนึ่ง พอมาถึงแล้ว ก็กดที่ สมัครเว้บไซด์ ขั้น 1 อ่านกติกาเข้ากด Accept เพื่อยอมรับข้อตกลง หลังจากนั้น ก้ทำขั้น 2 และ 3 โดยเพาะ ตัวที่มี * แสดงว่าต้องกรอกด้วย แล้วพอข้อมูลครบถ้วนแล้ว ท่านก้มีเว้บไซด์ของท่านแล้ว รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.igetweb.com/

วันพุธ, ตุลาคม 01, 2551

การปกครองของไทย

การปกครองของไทยนั้น สมัยก่อนใช้แบบสมบูรณาญาสิทธิราช จนถึงรัชกาลที่ 7 มีเหตุการณ์ คือ มีคณะอยู่คณะหนึ่ง ชื่อ " คณะราษฎร์ " มาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย จนมีอำนาจเป็นประชาธิปไตย

การเรียนรู้การปกครองของไทย ถือเป็นสิ่งที่ควรรู้ดังนี้

รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ และพระมหากษัตริย์ก็ทรงใช้อำนาจผ่านทางอธิปไตย ซึ่งมีอยู่ 3 อย่าง คือ

  1. อำนาจนิติบัญญติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ผ่านรัฐสภา รัฐสภามีอยู่ 2 อย่าง คือ วุฒิสภามี 200 คน และ สภาผู้แทนราษฎรมี 500 คน
  2. อำนาจบริหาร มีหน้าที่บริหารประเทศ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ผ่านทางคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี มีนายกรัฐมนตรี 1 คน และ รัฐมนตรีอีก 35 คน
  3. อำนาจตุลาการ มีหน้าที่ตัดสินคดีความต่าง ๆ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ผ่านทางศาล ศาลมี 4 ศาล คือ ศาลยุติธรรม มีอยู่ 3 ชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา มีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และศาลทหาร

อำนาจทั้ง 3 ส่วนมีความสำคัญมาก ๆ แยกออกจากกันไม่ได้ วันนี้ขอขอบคุณที่ท่านมาอ่านบทความนี้ สวัสดีครับ

Sunset Picture


This is a Sunset. It has in a Morning Time. I Like Picture it Because It is a Beautiful. I want to go this Picture. And the last I want to answer is it " Do you like is picture ? and Why do you like it? " Thank You.

The Earth


The Earth is the third of the planet. Earth is support life. Earth it has Longtitude and Latitude. Longtitude 0 Degrees is Grennwich. Latitude 0 Degrees or Equator. The Nearest of Equator is Nairobi. The Eath now it has a ploblem is Global Warming. So Hot and Changes Season faster. Also Country Biggest in Continent ( ค่าประมาณ ) it has
1. North America is United States of America.
2. South America is Brazil.
3. Europe is France.
4. Africa is Sudan.
5. Asia is Russia
Thank You for a Reading. Good Luck Everyday.