วันอาทิตย์, มีนาคม 29, 2552

วอนม็อบอย่าเป็นอุปสรรคแก้วิกฤติศก.


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ยันเปิดกว้างการชุมนุมไม่เคยสกัดกั้น วอนอย่าเป็นอุปสรรคแก้วิกฤติเศรษฐกิจยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายให้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"ถึงถึงปัญหาทางการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยที่จะสกัดกั้น และเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลจะพยายามฟังข้อเรียกร้องต่างๆ แล้วนำข้าสู่เวทีที่เหมาะสม ไว่าจะเป็นการปฎิรูปการเมือง และกระบวนการยุติธรรม โดยรัฐบาลจะจัดหาเวทีที่เหมาะสมและเชิญชวนทุกส่วนเข้ามรร่วมแสดงความคิดเห็นกัน
สำหรับตนแล้วมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความคิดเห็นต่างๆ ย่อมมีความแตกต่างกันได้ แต่สำหรับวันนี้ตนอยากจะให้ประเทศเดินไปข้างหน้า การคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตนรู้ว่ารัฐบาลจะต้องทำ แต่ตนขออย่าทำให้ปัญหาตรงนี้จนกลายเป็นปัญหาอุปสรรคของคนส่วนใหญ่ของประเทศที่กำลังเดือดร้อนกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ในเวลานี้ ดังนั้นตนขอให้ความมั่นใจว่าประชาชนทุกกลุ่มทุกคนว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้มีความตั้งใจและมีความจริงใจที่จะดูแลปัญหาทุกข์สุขต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าช่วงสัปดาหที่ผ่านมาตนได้พยายามเร่งรัดงานต่างๆ เพื่อหวังผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความคึกคัก ช่วงต้นเดือนหน้า 4 กระทรวงใหญ่จะมีการจัดงานใหญ่ ซึ่งจะมีส่วนช่วย รัฐบาลคิดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่สอง หากงบประมาณปี 2553 รัฐบาลคิดว่ากระตุ้นการลงทุน ครม.เศรษฐกิจจะแผนการลงทุนในภาครัฐ 3 ปีขี้น 1 แสนหน้าหมื่นล้านบาท เพื่อเสริมความพร้อมของประเทศ เรื่องความมั่นคงทางด้านอาหารเกี่ยวกับทางการเกษตร สามารถช่วยพื้นที่การเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ล้านไร่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาทางด้านสังคมที่เกิดจากวิกฤตทางเศรษฐกิจว่า ปัญหาทางานนี้จะมีกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่เก็บเงินจากภาษีเหล้าและบุหรี่มาทำงานร่วมเครือข่ายภาคประชาชน โดยตนได้มีการร่วมประชุมร่วมกัน ซึ่งได้วางงานให้รับผิดชอบในเรื่องใหญ่ๆ 3 เรื่อง คือ บัณฑิตจิตอาสาโดยจ้างงานนักศึกษาที่จบใหม่มาเก็บข้อมูลด้านสุขภาวะ
"และการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ประชาชนเกิดการปรับตัวในการรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆที่มีการเก็บรวบรวมที่ได้จะส่งต่อให้กับรัฐบาล เพื่อนำมาแก้ไขและวางนโยบายในการพัฒนาที่ต่อไป ซึ่งโครงการต่างๆ เราจะสามารถสกัดไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา เช่น เรื่องยาเสพติด และปัญหาทางสังคมอื่นๆ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

วันศุกร์, มีนาคม 27, 2552

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37

สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมฝรั่งเศส Guest of Hornor 2009
1. พบนักเขียนชื่อดัง
2. ซึมซับวัฒนธรรมฝรั่งเศสผ่านหนังสือ ภาพยนตร์ และแฟชั่นที่บู้ทฝรั่งเศส (France Pavilion) ในแพลนนารีฮอล์
สด! ใหม่! ตื่นตากับ “ห้องสมุดหนังสือใหม่”
1. ที่เดียวที่รวบรวมหนังสือใหม่ๆๆๆกว่า 3,000 ปก ไว้ในห้องบอลรูม โซน”สนุก Kids สนุกอ่าน” เดินชมที่เดียวพบหนังสือใหม่ทั้งงาน
2. เพลิดเพลินกับการอ่าน และสนุกกับกิจกรรมในโซน ทั้งครอบครัว


ร่วมเป็นผู้หนึ่งในการทำบุญแห่งปัญญา ซื้อหนังสือบริจาค 9,999 เล่ม เพื่อเด็กด้อยโอกาสกว่า 1,000,000 คน เพียงบริจาคเงิน 50 บาท ขึ้นไป รับ “คำคมเทพรัตน์” หนังสือแม่เหล็กเล่มจิ๋วเป็นของที่ระลึกทันที
พิเศษ! วันหนังสือเด็กแห่งชาติ 2 เมษายน นี้สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ แจกคูปอง 100 บาท ฟรี ให้เด็กและเยาวชน อายุไม่เกิน 15 ปี 10,000 คนแรกที่เข้างานได้ เลือกซื้อหนังสือในงานตามอัธยาศัย หมดแล้วหมดเลย


ก้าวหน้าด้วยการอ่าน หนังสือสร้างเด็ก เด็กสร้างชาติ

วันพุธ, มีนาคม 25, 2552

เทือกอัดทักษิณพาดพิงองคมนตรี


สุเทพ อัด ทักษิณ เป็นหมาบ้าไปแล้ว พูดพาดพิงองคมนตรี ต้องการให้คนคิดไปไกลกว่านั้น ปฏิเสธ อัดงบพันล้านกล่อมเสื้อแดง อ้างเหตุการแก้เศรษฐกิจในชุมชน หวั่นบานปลายกระทบความมั่นคง
(25มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึง การเตรียมการรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง 26 มี.ค.ว่า กำ ชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาสถานที่ราชการและทรัพย์สินของทางราชการ ไม่ให้ใครบุกรุกทำลาย ซึ่งไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า ทาง ผบช.น.ระบุจะมีการนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งตามสี่แยกถือเป็นการจับผิดกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถาม ผบช.น. เพราะรายละเอียดในการดูแลกลุ่มคนเสื้อแดงตนไม่ได้ลงไปดูแลมากเท่าไหร่ แต่ได้ย้ำกับผบช.น.ว่า ต้องไม่ยอมให้มีการกระทำผิดกฎหมาย หากทำผิดต้องดำเนินคดีทันที
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงวิจารณ์ว่า การนำกำลังตำรวจและทหารนับหมื่นนายมารักษาความปลอดภัยเป็นการกระทำที่เกิน กว่าเหตุ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะพูดจาอะไรอย่าไปเชื่อถือ บช.น.มีประสบการณ์ในการดูแลม็อบมาแล้ว การใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าไหร่ ตนจึงไม่จำเป็นต้องไปซักถาม ทุกฝ่ายมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในการรักษาทำเนียบรัฐบาล ดูแลรักษากฎหมาย ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะไม่ให้ครม.เข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลนั้น รัฐบาลจะไม่ไปตอบโต้กับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่นายกฯและรัฐมนตรีจะทำงานตามปกติ โดยไม่มีการเตรียมสถานที่สำรองเอาไว้แต่อย่างใด
เมื่อถามถึง กรณีที่ครม.ได้อนุมัติงบประมาณพันล้านบาทให้ กอ.รมน.ดำเนินโครงการกู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นการตั้งงบเพื่อสยบการรุกคืบของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปฟังการวิจารณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะสิ่งที่รัฐบาลจะทำคือหลังจากที่ประชาชนทั่วประเทศได้รับผลกระทบจาก วิกฤติเศรษฐกิจ ค่าครองชีพขึ้น รายได้ไม่มี หลายคนมาทำงานกรุงเทพต้องกลับไปสู่หมู่บ้านในชนบท คนเหล่านี้จึงต้องหาเลี้ยงปากท้อง จะถือเป็นปัญหาเสี่ยงเมื่อคนไม่มีทางเลือกจะเป็นการเสี่ยงต่อการเกิดความ วุ่นวายและนำไปสู่ผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลจึงต้องเข้ามาแก้ปัญหาโดยยึดตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือเป็นของดีต้องนำมาใช้พัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชานกลับไปสู่ภาวะเสี่ยง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา กอ.รมน.ไม่ได้มีบทบาทเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่จะเน้นเรื่องความมั่นคงมากกว่า นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องรอดูผลกันต่อไป รัฐบาลตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศ คนอาจจะติดภาพเก่าของกอ.รมน. เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่กอ.รมน.ปัจจุบันจะต้องทำงานในเชิงรุก โดยผ่าน ผวจ. หากจะมีการช่วยเหลือประชาชน ผวจ.ต้องมีอำนาจในการสั่งการข้าราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรม ในฐานะผอ.กอ.รมน.จังหวัด ซึ่งจะทำให้ทุกโครงการแผนงานของรัฐบาลบูรณการเข้าร่วมกันได้ในแต่ละจังหวัด ที่สำคัญในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ เราต้องสร้างจิตสำนึกและปลูกฝังอุดมการณ์ของประชาชนอย่าไปตื่นตระหนกกับภาวะ วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น อย่างสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯยังขุดสนามหลังทำเนียบปลูกผักสวนครัว แต่บ้านเราทำไมมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อประชาชนทุกคนทำได้ตามแนวทางนี้จะไม่หวั่นไหวกับวิกฤติเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายสุเทพ กล่าวว่า การใช้งบนี้จะรวมไปถึงการรณรงค์ให้เทิดทูน ป้องกันการละเมิดสถาบันด้วย เพราะในภาวะที่บ้านเมืองมีภาวะวิกฤติหรือสงครามจะทำให้คนรู้สึกขาดความ รู้สึก รัก สามัคคี ไม่คิดถึงส่วนรวม มัวแต่เอาตัวรอด เพื่อให้ได้มีอาหารมื้อหน้า ไม่สนใจว่าจะทำผิดหรือถูก ดังนั้นรัฐบาลจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ จึงต้องทำให้เรื่องนี้เกิดความมั่นคงซึ่งจะหมายถึงความมั่นคงของประเทศด้วย หากไม่ทำบ้านเมืองจะเกิดปัญหากลียุคได้ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าวิกฤติเศรษฐกิจนี้จะเกิดอะไรขึ้นได้ ถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่เป็นสังคมเกษตรทำให้เราปรับตัวได้เร็ว ยึดมั่นตามแนวทางพระราชดำริ สามารถรองรับผู้ตกงานได้
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลจับมือกับกองทัพดำเนินนโยบายดังกล่าวเพื่อหวังผลการเมืองเฉพาะ หน้า และเพื่อจะควบคุมการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่คิดจะไปควบคุมความเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อแดงและไม่คิดจะทำด้วย แต่หากเสื้อแดงทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
"อย่าคิดว่าผมไปสบประมาทนะ ขอเรียนตรง ๆ ผมถือว่าเรื่องเสื้อแดงเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องใหญ่คือจะทำอย่างไร ที่จะเอาประเทศให้รอด ผมจึงอยากให้ประชานคนไทยทุกคนตระหนักให้ดีว่าวันนี้เราต้องเอาบ้านเมืองให้ รอด " นายสุเทพ ระบุ
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้งบปกติ แต่กลับมาขอใช้งบฉุกเฉิน นายสุเทพ กล่าวว่า เนื่องจากงบปกติไม่ได้ตั้งเอาไว้ เพราะขณะนี้ใช้งบปี 2552 ที่รัฐบาลที่ผ่านมาตั้งไว้ ไม่ได้มีการตั้งงบประมาณไว้ช่วยเหลือประชาชนตามแนวทางนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีงบพิเศษฉุกเฉินแสนกว่าล้านลงไปในพื้นที่ก่อน จากนั้นจะตามซ่อมเป็นจุด ๆ ซึ่งรัฐบาลยังต้องทำอีกหลายอย่าง การทำงานร่วมกับกอ.รมน. เพื่อต้องการลงพื้นที่พบประชาชนว่า ประชาชนมีความพร้อมดำเนินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะอุดหนุนงบประมาณ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่างบพันล้านเป็นส่วนหนึ่งในงบลับสองพันล้านที่รัฐบาลใช้ล้มระบอบทักษิณ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเป็นงบลับจะนำมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนทำไม อย่าไปเชื่อคำพูดของกลุ่มคนเหล่านี้ให้ดูของจริงแล้วกัน อยากให้ทุกคนได้ติดตามลงพื้นที่ไปกับตนก็ได้
เมื่อถามว่า ที่ประชุมทำเนียบองค์มนตรีเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ไม่สบายใจที่ พ.ต.ท. ทั กษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโฟนอินพาดพิงองคมนตรีและบุคคลสำคัญว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 นายสุเทพ กล่าวว่า " เชื่อว่าไม่เฉพาะทำเนียบองคมนตรีหรือประธานองคมนตรีที่ไม่สบายใจ แต่คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศนี้ก็ไม่สบายใจ ผมก็ไม่สบายใจ รวมทั้งสื่อมวลชนเอง ท่านประธานองคมนตรีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ไม่ได้มีความฝักใฝ่หรือมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง และตั้งแต่ผมเตรียมการจัดตั้งรัฐบาล และมาเป็นรัฐบาลบริหารงานได้ 3 เดือนก็ไม่เคยไปหาหรือไปพบประธานองคมนตรี ซึ่งไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย แต่คุณทักษิณ ยังหาเรื่องเอาองคมนตรีมาเกี่ยวข้อง เจตนาของคุณทักษิณคือ อะไร เจตนาก็คือทำให้คนคิดไปไกลกว่านั้น ทำให้คนเข้าใจสงสัยสับสน เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ขอให้ทุกคนมองอย่างนี้เพราะคุณทักษิณทำงานอย่างมีเป้าหมายอย่างนั้นจริง ๆ " นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมจะโฟนอินแฉบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติอีกครั้ง รัฐบาลจะจับตาเรื่องนี้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ถึงไม่จับตาสื่อก็จับมาใส่ตาตนอยู่ดี ถึงไม่อยากเห็นก็ต้องได้เห็นอยู่ดี ไม่ได้อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับบ้านเมือง ซึ่งตนไม่อยากพูดถึงคนชื่อทักษิณ อีกเลย แต่ก็ต้องชี้แจงและจะไม่ให้น้ำหนักกับคนชื่อทักษิณมาก เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่พูด
"รัฐบาลจะไปป้องกันโดยการตัดสัญญาณไม่ให้มีการโฟนอินก็ทำไม่ได้ จึงต้องดูว่าเมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เมื่อมีการหมิ่นประมาทหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ซึ่งขณะนี้ก็รู้กันอยู่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศจะไปเอาตัวมาดำเนินคดีก็มีปัญหา " นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ประชุมทำเนียบองคมนตรีอยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังเอาเทปมาถอดเพื่อจะดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนทำทุกวัน อะไรผิดกฎหมายทำทันที ยืนยันว่าอะไรที่ผิดกฎหมายไม่มีการละเว้น
เมื่อถามว่า มาถึงจุดนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อ สมานฉันท์กันยุติปัญหา นาย สุเทพ ย้อนถามว่า " แล้วเขาประสานหรือเปล่าล่ะ ที่บอกว่าเป็นหมาเชื่อง เดี๋ยวนี้เป็นหมาไม่เชื่องแล้ว เป็นหมาบ้าไปแล้วมั้ง ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศให้รางวัลใครพากลับบ้านได้จะตอบแทนทั้งชีวิตนั้น ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป เดี๋ยวอีกหน่อยทุกคนก็เข้าใจ ไม่ต้องมาถามผม "

Save World Save Life 1

  1. ใช้บริการรถสาธาณะ การขับรถยนต์น้อยลงนอกจากช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

  2. ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์ 1 คัน

  3. ลดการใช้ถุงพลาสติกการเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมากซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ

  4. แยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออกจากขยะอื่นๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ
    สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด


รอบรู้เรื่องก๊อกน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีน้ำหยดได้แม้แค่น้อยนิด เพียงจุดเดียว อาจทำให้สูญเสียน้ำได้ถึง 20 แกลลอนต่อวัน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นหลายจุด หรือหลายๆบ้าน ก็จะมีน้ำจำนวนมหาศาลที่เราต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์


ล้างรถแบบประหยัดน้ำ
ถ้าใช้สายยางฉีดล้าง สำหรับรถยนต์ 1 คัน จะใช้น้ำประมาณ 150 แกลลอนจึงจะสะอาดแต่ถ้าล้างรถยนต์ 1 คันด้วยฟองน้ำ และใช้น้ำจากถังแทนการฉีด จะใช้น้ำเพียง 15 แกลลอนเท่านั้น


เทคนิครดน้ำต้นไม้
มีการศึกษาพบว่าถ้ารดน้ำต้นไม้ในระหว่าง 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น นั้น 60 % ของน้ำที่รดไปจะระเหยสู่อากาศโดยต้นไม้ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ดังนั้น เวลาที่ดีที่สุดเพื่อให้การรดน้ำของเราได้ประโยชน์กับต้นไม้ เต็ม100% ก็คือระหว่างหลัง6โมงเย็นจนถึง ก่อน 9 โมงเช้า

วันอังคาร, มีนาคม 24, 2552

พิพิธภัณฑ์หินแปลก จ.ปทุมธานี


พิพิธภัณฑ์หินแปลก เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งได้จัดแสดง เก็บรักษา และสะสมหิน เช่น หินแปลก หินหยก หินฟอสซิล หินธรรมชาติ หินย้อย หินแร่ จำนวนมากมายจากที่ต่าง ๆ ภายในประเทศและจากทั่วโลก แต่ละชิ้นมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสามารถจินตนาการเป็นรูปร่างหรือเรื่องราวต่าง ๆ ก่อเกิดความคิดสร้างสรรค์และเปิดโลกทัศน์ให้แก่ผู้เข้าชม

นอกจากหินแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีรูปภาพ แสตมป์ หน้าไม้ขีด ที่เขี่ยบุหรี่เก่า ภาพวาด ภาพเขียน จำนวนมากมาย ที่สามารถสะท้อนคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทยได้ในอีกทางหนึ่ง
เดิมพิพิธภัณฑ์หินแปลกเปิดดำเนินการที่ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ มาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี จึงได้ย้ายที่ทำการมาที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งสะดวกทั้งการจัดแสดงและที่จอดรถ ซึ่งมีจำนวนมากเพียงพอกับแขกที่มาเยี่ยมชม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 8.00 - 17.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท ต่างชาติ 150 บาท

ติดต่อ พิพิธภัณฑ์หินแปลก29/2 หมู่ 1 ถนนสายรังสิต-ท่าน้ำปทุมธานี ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง ปทุมธานี 12000 โทรศัพท์ 0 2581 4835, 08 7550 0803, 08 7015 6629โทรสาร 0 2975 6943อีเมล rarestonemuseum@gmail.com

"ก้อนหินเป็นสมบัติล้ำค่า และเป็นกระดูกสันหลังของธรรมชาติก้อนหินล้วนแต่หลบซ่อนอยู่ตามขุนเขาผ่านการกระแทก กัดกร่อน ของน้ำและดินค่อย ๆ เกลากลึงจนกลายเป็นวัตถุอันสง่างาม วิจิตรพิศดาร แฉล้มแช่มช้อย ก่อเกิดจินตนาการไม่รู้จบชวนให้เกิดความเสน่หาและระทึกใจมันพูดไม่ได้ก็จริง แต่แฝงไว้ซึ่งคุณลักษณ์แห่งภาษาพูดที่ดูพร้อมจะสาธยายได้ร้อยแปดขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่ง ความอดทน และความเงียบกริบของมันก็กลายเป็นแบบอย่างที่ดีของคนเรา
หินแปลก ไม่เพียงแต่ชมได้ แต่ยังถ่ายทอดความรู้สึกได้และในขณะเดียวกัน มันก็ยังเสมือน ตำราที่ไร้ตัวอักษรแต่ละท่านที่สัมผัส จะได้ความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกัน ตามมุมมองของแต่ละบุคคลและชวนให้หลงไหลเคลิบเคลิ้มไปตามจินตนาการแห่งชีวิต"

วันวัณโรคโลก

24 มีนาคมเป็นวันวัณโรคโลก เพื่อรำลึกถึงวันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1882 เมื่อ ดร.โรเบิร์ต ค็อช ค้นพบการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งแพร่กระจายผ่านทางอากาศ
ทุกๆ ปี ผู้คนมากกว่า 9 ล้านคนจะเจ็บป่วยเนื่องจากติดเชื้อวัณโรค และมีผู้ป่วยวัณโรค 1.7 ล้านคนต้องเสียชีวิตลง ผู้คนจำนวน 2,000 ล้านคน (หรือ 1 ใน 3 ของประชากรโลก) ล้วนติดเชื้อ Mycobacterium tuberculosis หรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของวัณโรค เชื้อวัณโรคจะออกฤทธิ์ทันทีเมื่อภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอลง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่คร่าชีวิตผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS
ผู้ป่วยวัณโรคสามารถได้รับการรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ การรักษาอย่างไม่ต่อเนื่องหรือไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดการดื้อยา เช่น เชื้อวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรง (XDR-TB) ซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และได้รับการยืนยันจากทุกๆ ภูมิภาคทั่วโลก

วัณโรค คือ โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เล็กมากคือเชื้อ Mycobacterium tuberculosis ติดต่อโดยการสูดอากาศที่มีตัวเชื้อนี้เข้าไป ซึ่งเชื้อโรคชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความคงทนต่ออากาศแห้ง ความเย็น ความร้อน สารเคมี และอยู่ในอากาศได้นาน ยกเว้นไม่ทนทานต่อแสงแดด คนส่วนใหญ่มักคิดว่าวัณโรคเป็นโรคเกี่ยวกับปอด แต่ความจริงแล้ว เป็นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกายเช่น ที่ต่อมน้ำเหลือง กระดูก เยื่อหุ้มสมอง ปอด แต่ที่พบและเป็นปัญหามากที่สุดในปัจจุบันคือ "วัณโรคปอด" มักพบในคนแก่คนที่ร่างกายอ่อนแอจากการเป็นโรคอื่น ๆ มาก่อน เช่น หวัด หัด ไอกรน พวกติดยาและโรคเอดส์และในคนที่ตรากตรำทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ ขาดอาหาร ดื่มเหล้าจัด หรือในคนที่มีประวัติใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรค เช่น นอนห้องเดียวกัน หรืออยู่บ้านเดียวกัน และพบว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นวัณโรคแทรกซ้อนกันมาก และทำให้วัณโรคที่เคยลดลง มีการแพร่กระจายมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้แพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากติดต่อได้ง่ายโดยระบบทางเดินหายใจและมีอันตรายถึงชีวิต

โจรโม่งปล้นแบงก์ รปภ.ฮีโร่ ชัก.38 ซัลโวเดี้ยง




เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 23 มี.ค. พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ติระพัฒน์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าไปชิงทรัพย์ และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนนาคนิวาส เลขที่ 18/123 ถนนนาคนิวาส แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. จึงรุดไปสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผกก.สน.โชคชัย ร.ต.อ.พรทวี สมพงษ์ สวป.สน.โชคชัย และฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย

ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 ชั้น 3 คูหา อยู่ข้างซอยนาคนิวาส 12 ภายในธนาคารบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เบิกถอนเงิน พบนายกานต์ คงคาสี อายุ 32 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารกรุงเทพ ยืนถือปืนอยู่ข้างๆคนร้ายที่ถูกยิงนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ทราบชื่อภายหลังว่านายภัทร ไชยสัตย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 180/457 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. แต่งกายด้วยเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์ ใส่หมวกไหมพรม มีปืนตกอยู่ข้างตัว 1 กระบอก และกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สีข้างด้านซ้ายทะลุหน้าอกขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมอายัดตัวไว้เป็นผู้ต้องหา

จากการตรวจสอบในกระเป๋าสะพายของคนร้าย พบบัตรประชาชนของนายภัทร ไชยสัตย์ นามบัตร ระบุชื่อนายภัทร ตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ บริษัทไทยประกันชีวิต สาขาอโศก และเงินสด 340,000 บาท ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนปลอม ส่วนที่ฟุตปาทหน้าธนาคาร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของคนร้ายจอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

ด้านนายกานต์ คงคาสี รปภ.ธนาคารที่กลายเป็นฮีโร่ของแบงก์ให้การด้วยเสียงที่ไม่หายตื่นเต้นว่า ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าใช้บริการประมาณ 6-7 คน ตนยืนอยู่ข้างประตูด้านในธนาคาร จู่ๆมีคนร้ายสวมหมวกไหมพรมวิ่งถือปืนเข้ามาพร้อมตะโกนสั่ง “ทุกคนหยุดอยู่กับที่ นี่คือการปล้น” จากนั้นกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปด้านหลัง กวาดเงินสดตามลิ้นชักต่างๆใส่กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล ในช่วงแรกตกใจเหมือนกัน แต่ในใจคิดถึงความปลอดภัยของลูกค้า และพนักงานธนาคาร ตัดสินใจชักปืนพกขนาด .38 ข้างเอวออกมา ตะโกนให้ทุกคนหมอบลงกับพื้น ก่อนลั่นไกใส่คนร้ายที่กำลังง่วนกับการกวาดทรัพย์สินด้านหลังเคาน์เตอร์ไป 5 นัดซ้อน จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บ ตนสั่งให้ปีนกลับขึ้นมามอบตัวที่หน้าเคาน์เตอร์ กระทั่งมีตำรวจเข้ามาสนับสนุน

พ.ต.ท.ธรากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัยกล่าวว่า คนร้ายคือนายภัทร ไชยสัตย์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่พอให้การได้ว่า ขี่รถ จยย.ผ่านหน้าธนาคารแห่งนี้ และคิดว่าน่าจะก่อเหตุได้ จึงบุกเข้าไป แต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุของการก่อเหตุว่ามาจากอะไร อย่างไรก็ตาม จากหมวกไหมพรม กระเป๋าสะพาย ปืนปลอม และหมวกกันน็อกที่เตรียมมา เชื่อว่าคนร้ายเตรียมการมาก่อนหน้า ทั้งนี้ ต้องรอแพทย์รักษาอาการให้หายดีก่อนสอบปากคำอีกครั้ง

วันเสาร์, มีนาคม 21, 2552

อภิสิทธิ์ชนะท่วม กษิตบ๊วย ไม่ปรับพ้นครม.


รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มี.ค. ได้มี การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติในญัตติไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้บรรดารัฐมนตรีและ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ไม่ได้มีสีหน้าวิตกกังวลต่างยิ้มแย้มทักทายกันอย่างอารมณ์ดี ทั้งนี้นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้กำลังใจแก่นายกรณ์และนายกษิตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รัฐมนตรี ทำให้ นายกษิตมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นมาในทันที จากนั้นนายชัย ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งให้สมาชิกรับทราบว่า จะเริ่มการลงมติในญัตติของนายกรัฐมนตรีก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะลงมติรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และกรณีที่ ส.ส.เป็นรัฐมนตรีนั้นในรัฐธรรมนูญมาตรา 177 ห้ามใช้สิทธิ์ออกเสียงลงคะแนน เพราะถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย

“นายกฯ-ประดิษฐ์-กรณ์” ผ่านฉลุย

จากนั้นนายชัยได้ขอให้ ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุม เสียบบัตรเพื่อแสดงตน แต่ปรากฏว่า ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ได้ลุกขึ้นคัดค้าน ขอให้เป็นการลงคะแนนโดยวิธีลับ หากใช้วิธีเสียบบัตรจะต้องไม่ปรากฏชื่อผู้ลงมติ แต่นายชัยแย้งว่าสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ก็เคยใช้วิธีเช่นนี้มาก่อน ถือว่าเคยปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติอย่างนั้น ซึ่งผลคะแนนที่ออกมาจะต้องเกินกึ่งหนึ่งคือ 233 เสียง จากจำนวน ส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบันคือ 465 เสียง จากนั้นนายชัยได้เริ่มให้มีการลงมติในญัตติแรก คือญัตติไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ โดยให้สมาชิกกดบัตรแสดงตนก่อนลงคะแนนทุกครั้ง ผลปรากฏว่ามี ส.ส.กดบัตรแสดงตนเข้าประชุม 449 คน มี ส.ส.ลงคะแนนไว้วางใจนายกฯ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 176 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง จากนั้นจึงเริ่มลงมติรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อไป เริ่มจากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง มีผู้แสดงตน 447 คน ไว้วางใจ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 174 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มีผู้แสดงตน 447 คน ไว้วางใจ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 174 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง

คะแนนไว้วางใจ “กษิต” แค่ 237 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ มีผู้แสดงตน 446 คน ไว้วางใจ 237 เสียง ไม่ไว้วางใจ 184 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนน 13 เสียง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย มีผู้แสดงตน 447 คน ไว้วางใจ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 167 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง ไม่ลงคะแนน 14 เสียง และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย มีผู้แสดงตน 447 คน ไว้วางใจ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 168 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างการลงมตินั้น รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายรวมถึงนายกฯได้จดตัวเลขผลการลงมติของแต่ละคนไปด้วย ขณะที่นายกษิตและนายชวรัตน์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เมื่อถึงคิวลงคะแนนของตัวเอง จากนั้นนายชัยประธานในที่ประชุม ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกว่าขอบคุณทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอด 3 วัน และขอให้ทุกคนโชคดี สำหรับประธานและรองประธานทั้ง 3 คน ไม่ได้ลงคะแนนเพราะขอวางตัวเป็นกลาง จากนั้นนายชัยได้สั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 11.30 น.

นายกฯ-รัฐมนตรียิ้มแป้นผลไว้วางใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่ปิดการประชุม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังและอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่เดินเข้าไปแสดง ความยินดี และยกมือไหว้นายอภิสิทธิ์ ขณะที่รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จับมือแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ขณะที่กลางห้องประชุมสภาฯ ปรากฏว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ได้นั่งรวมตัวกันเพื่อเช็ก ผลการลงคะแนนที่ออกมา เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้านที่มอบหมายให้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น วิปฝ่ายค้าน มารอผลคะแนนที่พิมพ์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯทันที เพื่อตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.พรรคตัวเองที่แตกแถวไปยกมือให้รัฐบาล

มี ส.ส.ขาดประชุมสภาฯถึง 16 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 465 คน แยกเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 170 คน เพื่อไทย 182 คน ภูมิใจไทย 32 คน เพื่อแผ่นดิน 30 คน ชาติไทยพัฒนา 25 คน รวมใจไทยชาติพัฒนา 9 คน ประชาราช 9 คน กิจสังคม 5 คน และราษฎร 3 คน แต่ปรากฏว่าการประชุมสภาฯครั้งนี้ มีผู้แสดงตนเข้าประชุมและใช้สิทธิลงมติสูงสุดรวม 449 คน ถือว่ามี ส.ส.ขาดประชุมจำนวน 16 คน ในจำนวนนี้ได้แจ้งขอลาประชุมอย่างเป็นทางการ 7 คน ประกอบด้วยนาย นาราชา สุวิทย์ ส.ส.สงขลา นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ติดงานบวชลูกชายที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายบุญเลิศ ครุฑขุนทด ส.ส.นครราชสีมา นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และนายมานิต นพอมรวดี ส.ส.ราชบุรี ในฐานะ รมช.กระทรวงสาธารณสุข ขณะที่นางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ ส.ส.มุกดาหาร พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มาใช้สิทธิลงคะแนนทันเพียงคนเดียว คือนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย โดยให้เหตุผลในที่ประชุมว่ารถยางรั่ว ส่วนที่เหลือเป็น ส.ส.ที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีที่มาประชุม แต่ไม่ได้กดบัตรแสดงตน

รัฐมนตรี 15 คนไม่ลงคะแนนโหวต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคะแนนของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังนั้น พบว่ามีผู้งดออกเสียง 12 คน เป็น ส.ส.พรรคประชาราช 8 คน ได้แก่ 1. นางสาวจิรวดี จึงวรานนท์ ส.ส.ศรีสะเกษ 2. นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 3. นางตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 4. นายสุตา พรมดวง ส.ส.ศรีสะเกษ 5. นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน 6. นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ ส.ส.นครสวรรค์ 7. นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 8. นางชนากานต์ ยืนยง ส.ส. ปทุมธานี และเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย 3 คน 1. ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี 2. นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส. เชียงราย ในฐานะรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง 3. พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี ในฐานะรองประธานสภาฯคนที่สอง และ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 1 คน คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน สำหรับผู้ไม่ลงคะแนนเสียงที่มีทั้งหมด 15 คน ส่วนใหญ่เป็นคณะรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการลงมติของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มีผู้งดออกเสียง 12 คน เป็น ส.ส.พรรคประชาราช 8 คน ในขณะที่นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาราช แหกโผมาโหวตไว้วางใจ ส่วนพรรคเพื่อไทยงดออกเสียง 3 คนคือ ร.ต.ปรพล นายสามารถและ พ.อ.อภิวันท์ ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินคือ พล.ต.อ.ประชา ในขณะที่มีผู้ไม่ลงคะแนนจำนวน 15 คน ส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรี ยกเว้นนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย

“เกียรติกร” งดออกเสียงให้ “กษิต”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคะแนนที่ลงให้กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ปรากฏว่ามีผู้งดออกเสียง 12 เสียงได้แก่ 1. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ 2. นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน 3. นายณัฐวุฒิ สุขเกษม ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย 4. นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส พรรคราษฎร 5. ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี พรรคเพื่อไทย 6. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน 7. นางฟาริดา สุไลมาน ส.ส.สุรินทร์ พรรคราษฎร 8. นายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน 9. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส. นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน 10. นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคราษฎร 11. นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ฐานะรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง 12. พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาฯคนที่สอง สำหรับผู้ไม่ลงคะแนน เสียงมีทั้งหมด 13 คน ทั้งหมดเป็นส.ส.ที่เป็นคณะรัฐมนตรี และเป็นที่น่าสังเกตว่านายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะงดออกเสียงในญัตติ ดังกล่าว ได้นำทีม ส.ส.ประชาราชทั้งหมดลงคะแนนไม่ไว้วางใจนายกษิต

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 19, 2552

สอดท่อดาม จู๋ หนุ่มหักเจ้าโลก

หมอเผยหนุ่มหักจู๋เจ้าโลกยังบวม และต้องใส่ท่อยางเข้าไปต่อ กับท่อปัสสาวะ เพื่อไม่ให้บิดเบี้ยว ผิดรูป รวมทั้งให้ยาแก้อักเสบรอให้ที่บวมยุบตัว หลังยุบตัวถ้าจู๋ผิดรูปก็ต้องผ่าตัด คาดอีก 2-3 สัปดาห์จะหายเป็นปกติ แต่ต้องหยุดร่วมเพศไม่น้อยกว่า 2 เดือน อธิบดีกรมการแพทย์ชี้หนุ่มหักจู๋ตัวเองจนบาดเจ็บไม่น่าเป็นไปได้ คาดเกิดจากการร่วมเพศผิดท่ามากกว่า เพราะถ้าใช้มือหักจะถึงจุดที่เจ็บปวดจนต้องหยุดก่อน ส่วนที่อวัยวะเพศแข็งตัวทุกเช้าเป็นเรื่องปกติของคนหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรง
จากกรณีนายผล(นามสมมติ) อายุ 28 ปี หนุ่มเรือลากร่มหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต อวัยวะเพศแข็งตัวเป็นประจำทุกเช้า และจะใช้มือจับหักจนอวัยวะเพศหดตัว โดยทำเป็นประจำมาตั้งแต่วัยเด็ก แต่เจ้ากรรมวันเกิดเหตุเมื่อใช้มือจับหักแล้วมีเสียงดังแก๊ก อวัยวะเพศเกิดหักงอ บวมช้ำ และเจ็บจนทนไม่ไหวต้องแจ้นไปหาหมอร.พ.วชิระภูเก็ต ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่ร.พ.วชิระภูเก็ต น.พ.ศิริชัย ศิลปอาชา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการตติยภูมิ ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินปัสสาวะ เจ้าของไข้ ตรวจอาการอวัยวะเพศของนายผล ซึ่งยังมีอาการอักเสบช้ำบวม เลือดคั่งนอนซมอยู่บนเตียงคนไข้บนชั้น 3 ตึกศัลยกรรมชาย
น.พ.ศิริชัย เปิดเผยว่า ปกติอวัยวะเพศชายบริเวณรอบๆ ด้านนอกจะมีเนื้อเยื่อเป็นพังผืดแข็งๆ หุ้มอยู่ เหมือนเนื้อเยื่อพังผืดที่หุ้มชั้นผนังหน้าท้อง ขณะนี้เนื้อเยื่อดังกล่าวเกิดอาการฉีกขาด เนื่องจากขณะแข็งตัว ไปหักงอจนเป็นเหตุให้เนื้อเยื่อตึงแล้วฉีกขาด หากไม่ตึงก็จะไม่มีทางฉีกขาดได้ ที่ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่าทันทีที่หัก ก็มีอาการบวม เนื่องจากมีเลือดออกใต้ผิวหนัง การฉีกขาดฉีกขาดไม่รุนแรงมาก เพียงแต่มีเลือดออก
น.พ.ศิริชัย กล่าวว่า อาการของนายผล แพทย์คงไปทำอะไรมากไม่ได้เพราะมีเลือดออก ต้องให้ยาแก้อักเสบและยาลดอาการบวมแล้วรอประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะยุบหรือยังบวมมากน้อยแค่ไหน จากนั้นก็รอว่าการแข็งตัวเป็นปกติหรือไม่ หากการแข็งตัวของอวัยวะเพศยังปกติก็ไม่ต้องไปทำอะไร จะหายไปเอง ร่างกายจะซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่มีลักษณะคล้ายผ้าใบให้ติดกันกลับคืนเป็นปกติ
น.พ.ศิริชัย กล่าวว่า อาการของผู้ป่วยที่เห็นในเวลานี้คือ มีอาการบวมคล้ายๆ กระดูกหัก เป็นอาการปกติ เมื่อกระดูกหักก็เกิดการบวมในตำแหน่งที่มีเลือดออก สรุปคือมีเลือดออกใต้ผิวหนังแล้วบวมขึ้นมา ในการรักษาไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเคยมีกรณีผู้ป่วยถูกตัดหรือเฉือนอวัยวะเพศ แพทย์ก็สามารถเย็บซ่อมเยื่อแล้วสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ในรายนี้จะมีปัญหาว่าอวัยวะเพศจะผิดรูปไปหรือบิดเบี้ยวหรือไม่ บางครั้งอาจทำให้ผนังทั้งสองด้านไม่เท่ากันได้ เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวจะทำให้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งไป ต้องดูอาการอีกระยะ หากมีอาการตามที่ว่ามาก็คงต้องผ่าตัด เท่าที่ตรวจล่าสุดคาดว่าเลือดน่าจะหยุดแล้ว แต่เลือดเดิมที่ออกซึมไปทั่ว ทำให้อวัยวะเพศมีลักษณะสีดำคล้ำ จะหายไปเองในราว 2-3 สัปดาห์
ต่อข้อถามว่าเมื่ออาการบวมหายแล้ว อวัยวะเพศยังจะใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ น.พ.ศิริชัย กล่าวว่า กรณีที่อวัยวะเพศชายถูกตัด ก็มีความเสี่ยงหลังจากต่อกลับแล้ว ว่าจะใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เมื่อเทียบกับอาการของคนไข้รายนี้แตกต่างกันมาก รายนี้โอกาสที่จะหาย แล้วสามารถใช้งานได้ตามปกติสูงมากกว่า แต่คงต้องหยุดร่วมเพศไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ให้เป็นปกติก่อน ในการรักษาช่วงนี้ก็คงทำอะไรมากไม่ได้ เพียงให้ยาไปเต็มที่ ที่เหลือเป็นไปตามกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายมนุษย์ และใช้ท่อยางต่อกับท่อปัสสาวะเหมือนเดิม เพื่อดัดให้อวัยวะเพศตรง คล้ายๆการใส่เฝือกภายในป้องกันไม่ให้ผิดรูป หากไม่ใส่ท่อยางอวัยวะเพศอาจเอียงไปเอียงมาได้ ส่วนการรักษาภายนอกก็ให้ยาจำพวกยาแก้อักเสบ รอให้ยุบตัว เพื่อประเมินว่าจะกลับคืนสู่ภาวะปกติมากน้อยแค่ไหน หากกลับเป็นปกติก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ให้ยาทานก็พอ แต่หากผิดรูป หรือบิดเบี้ยวก็ต้องผ่าตัดซ่อมส่วนที่ฉีกขาดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีของนายผลภายหลังที่มีข่าวออกไปจนครึกโครม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากทางร.พ.วชิระภูเก็ต ว่าคนไข้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเนื่องจากเกิดความอับอาย รวมทั้งจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
น.พ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ความจริงไม่มีใครรู้ว่าผู้ป่วยรายนี้ไปทำอย่างไรกับอวัยวะเพศของตนเอง ในทางทฤษฎีแล้วการใช้มือหักอวัยวะเพศของตนเอง คงไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น เนื่องจากเมื่อถึงจุดหนึ่งจะต้องหยุด ก่อนที่อวัยวะเพศจะหัก เพราะจะเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทนได้
น.พ.เรวัติ กล่าวว่า ส่วนใหญ่การบาดเจ็บของอวัยวะเพศชาย เกิดจากการร่วมเพศที่รุนแรงและผิดท่าจนทำให้อวัยวะเพศหัก บวมช้ำ อักเสบรุนแรง การรักษาจะให้ยาเพื่อบรรเทาตามอาการ เช่น ยาแก้อักเสบ และลดบวม เป็นต้น หากปัสสาวะเองไม่ได้ก็ให้ใช้สายสวนจนท่อปัสสาวะเปิดและถ่ายได้ด้วยตนเอง ใช้เวลาไม่นานอวัยวะเพศจะฟื้นตัวและใช้งานได้ตามปกติ และไม่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด
"ที่ผ่านมาเคยพบผู้ป่วยบางรายที่มีความต้องการทางเพศมาก จนทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวตลอด ไม่สามารถทำให้อ่อนตัวได้ แม้จะมีการช่วยตัวเองก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมดจนต้องไปพบแพทย์ แพทย์จะรักษาด้วยการให้นอนพัก และฉีดยากดอารมณ์เพื่อให้อวัยวะเพศอ่อนตัว การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายในช่วงเช้า เป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นกับทุกคนที่ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะคนในวัยหนุ่ม" อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

ทีพีไอ จ่อฟ้อง เฉลิม อภิปรายพาดพิง

ทีพีไอ จ่อฟ้องผู้อภิปรายพาดพิง เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรายแรก และกำลังพิจารณา สุนัย จุลพงศธร อีกรายเข้าข่ายหรือไม่ทีพีไอ จ่อฟ้องผู้อภิปรายพาดพิง เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรายแรก และกำลังพิจารณา สุนัย จุลพงศธร อีกรายเข้าข่ายหรือไม่
(20มี.ค.) นายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีนจำกัด (มหาชน) จะฟ้องแพ่งและอาญาผู้อภิปรายพาดพิง แน่นอน ส่วนจะเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งเท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ ซึ่งได้ทำเทปและหลักฐานต่างๆเก็บไว้แล้ว ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ขณะนี้คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส่วนกรณี นายสุนัย จุลพงศธร นั้นอยู่ระหว่างที่ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ว่ามีประเด็นไหนหรือไม่ที่ เข้าข่าย
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังไม่อยากประเมินการอภิปราย แต่เชื่อว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่ตนประกอบการอภิปรายมีความชัดเจนมากจนต้องมีผู้ประท้วงกันตลอด ส่วนกรณีที่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน กำลังพิจารณาฟ้องแพ่งและอาญานั้นก็ต้องปล่อยให้ว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าไม่ได้อภิปรายพาดพิงอะไร

หนี้นอกระบบ

ทำไมต้อง…นอกระบบ คนเรา เมื่อยามเดือดร้อนประเภทตกงาน (เพราะบริษัทใกล้ปิดตัวเช่นกันจ๊ะ) แม้แต่สุนัขยังเมินเลยครับ แหมที เมื่อก่อนเดินไปไหนมาไหนคนทักกันเกรียว แต่พอเราเดือดร้อนถามหยิบยืมเงินบ้าง คราวนี้ไปไหนมา ไหนมีแต่คนหลบหน้าหลบตา บางคนทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงทัก ซึ้งจริง ครับกับคำพูดที่ว่า “มี เงินเขาเรียกน้อง มีทองเขาเรียกพี่…แต่พอไม่มีแม้แต่หมายังเมิน” เศร้าครับ จึงตัดสินใจเดินเตะกระป๋อง ไปตามท้องถนน (ทำเหมือนพระเอกในมิวสิควิดีโอในรายการโทรทัศน์ตอนดึก) และแล้วฟ้าก็มาโปรด เพราะสายตาก็ไปกระทบกับป้ายที่เขียนว่า “เงินด่วน ติดต่อ โทรฯ (0X) XXX-XXXX” จะช้าอยู่ใยพระ เจ้าประทานตัวช่วยมาแล้วโทรศัพท์ไปเลย… ดอกเบี้ย…มหาโหด ความ ฝันฟูฟ่องล่องลอยอยู่ได้ไม่นานครับ เพราะเมื่อโทรศัพท์ไปติดต่อสอบถาม หัวใจที่พองโตก็ต้องห่อเหี่ยว เพราะปลายสายโทรศัพท์ตามเบอร์เงินด่วนตอบกลับมาว่า “ดอกเบี้ยร้อยละ 30 ต่อปีนะพี่…เอาปล่าว ?” เอาไงก็เอากันแล้วครับ เพราะไปหาหยิบยืมใครก็ไม่ได้ ญาติพี่น้องก็ไม่ได้ร่ำรวย หรือจะกู้ธนาคารก็ไม่มี หลักทรัพย์ เลยตัดสินใจกัดฟันกู้เงินนอกระบบแบบนี้นี่แหละเดี๋ยวค่อยคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรดีหนอ ? ใจเย็น ครับ ถ้าหากใครอยู่ในสภาพทุกข์ระทมใจกายเช่นนี้ เพราะกฎหมายไม่ได้อนุญาตให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ย เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามที่ พระราชบัญญัติห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 กำหนดไว้ ให้เรียกเก็บไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งเมื่อมีการฟ้องร้องคดีในชั้นศาล ศาลจะพิพากษาให้ข้อตกลง เรื่องดอกเบี้ย (ที่เกินร้อยละ 15 ต่อปี) เป็นโมฆะมีผลให้เจ้าหนี้หมดสิทธิที่จะเรียกเก็บดอกเบี้ยตามสัญญา (มหาโหด) แต่ลูกหนี้ก็ยังต้องรับผิดชอบจ่ายคืนเงินต้นแก่เจ้าหนี้ต่อไปครับเซ็นสัญญากู้…เปล่า เจ้าหนี้ นอกระบบบางรายโหดกว่านั้นอีกครับ เพราะเขารู้ว่าคนที่เข้ามาหาเขานั้น ร้อนเงิน อยากได้เงินทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถตั้งเงื่อนไขแปลก (แบบเอาเปรียบ) เช่นให้คุณลูกหนี้ลงนาม ให้ชื่อ ที่อยู่ และเซ็นชื่อ ในเอกสารเปล่า เอาไว้ ส่วนดอกเบี้ยนั้นเขาก็พอรู้กฎหมายครับว่าต้องไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี จึงเขียนไว้ อย่างสวยงามและถูกกฎหมาย แต่สิ่งที่เขาทำแสบนั่นคือไม่กรอกจำนวนเงินต้นเอาไว้ครับท่าน ! แต่ที่ ลูกหนี้ตาดำ ยอมก็เพราะกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน พี่แกก็เลยให้กู้เงิน 100,000.-บาท เวลาผ่านไปไว เหมือนโกหกครับ ลูกหนี้ก็ไม่มีปัญญาที่จะหาดอกเบี้ยมาคืนได้ตลอด ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง และเมื่อไม่ส่งดอก นาน เข้า คราวนี้ดอกเบี้ยเท่ากับจำนวนเงินต้นเลยครับคือ 100,000.-บาท คุณเจ้าหนี้ก็เลยเอาจำนวนเงิน ที่เป็นดอกเบี้ยขาดส่ง 100,000.-บาท รวมกับเงินต้นอีก 100,000.-บาท ใส่เข้าไปในสัญญาเลยครับว่า เป็นการกู้เงินที่มีเงินต้นสูงถึง 200,000.-บาทเลยจ๊ะ แล้วจึงเอาสัญญาฉบับนั้นไปฟ้องร้องต่อศาล คุณผู้ อ่านครับ ความยุติธรรมมีอยู่ในโลกแน่นอนครับ เพราะกรณีเช่นนี้กฎหมายถือว่าเจ้าหนี้กรอกสัญญากู้ผิด ไปจากความจริง โดยที่ผู้กู้ไม่รู้เห็นหรือยินยอม ทำให้สัญญากู้เป็นโมฆะและเจ้าหนี้ก็ต้องรับโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับในข้อหาปลอมแปลงเอกสารตามกฎหมายอาญามาตรา 264 อีกด้วยนะครับ ทวงหนี้…แบบมาเฟีย คุณผู้ อ่าน จำโฆษณาที่เจ้าหนี้ (พร้อมกับบรรดาลูกน้อง) ไปทวงหนี้ด้วยการเดินเข้าไปในตลาด และพร้อมจะ ใช้กำลังกับลูกหนี้ได้ทุกเมื่อได้ไหมครับ หรือพอจำข่าวที่เจ้าหนี้ท่านหนึ่งที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเธอทวงหนี้ โดยส่งบรรดาลูกน้องมาเฟียทั้งหลายเข้าไปข่มขู่ลูกหนี้ได้ไหมครับ นั่นแหละครับมักจะเป็นวิธีการทวง หนี้แบบนอกระบบ ให้สมกับที่เป็นเงินกู้นอกระบบ เรียน ไว้ตรงนี้เลยนะครับคุณเจ้าหนี้ทั้งหลายเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจส่งลูกน้องคุณ หรือตัวคุณเองเข้าไปขู่ เข็ญ ข่มขู่ลูกหนี้ต่าง นา เช่น “ภายใน 3 วัน ถ้าแกไม่เอาเงินต้นพร้อมกับดอกเบี้ยมาคืน แกกับครอบครัว ต้องตายไปตาม กันแน่นอน จำใส่หัวสมองน้อย ของแกเอาไว้” (คุณผู้อ่านคิดถึงฉากในหนังไทย ที่มีจิ๊กโก๋ ตามท้องตลาด เดินตามเจ้าแม่เงินกู้ที่หนีบกระเป๋าหนังสีดำ) คุณมีความผิดตาม กฎหมายอาญามาตรา 309 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หากคุณข่มขู่ เขาโดยมีอาวุธหรือร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (ซึ่งมักจะไปทวงหนี้แบบหมู่คณะ แบบนี้แหละครับ) คุณอาจต้องรับโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ครับทวงหนี้…แบบประจาน เจ้าหนี้ บางท่านรู้ว่าคนที่เป็นลูกหนี้หน้าบางก็เลยใช้วิธีการประจานเพื่อกดดันลูกหนี้ เช่น โทรศัพท์ทวงหนี้ไปที่ บ้าน ที่ทำงานเพื่อให้เกิดความอับอาย โทรศัพท์หาพ่อแม่ญาติพี่น้องให้ไปกดดันลูกหนี้ต่อ เจ้าหนี้บาง รายแสบกว่านั้นครับ ประจานด้วยการโทรศัพท์ หรือส่งโทรสารไปที่ทำงานของลูกหนี้ โดยว่ากล่าว ประจานทั้งเรื่องที่เป็นหนี้ บางคนใส่สีตีไข่หาว่าเขาเป็นเมียน้อย เป็นแมงดา ต้องเอาเงินไปรักษาโรคร้าย ทางเพศ (แสบจริง ) แบบนี้ถือว่าคุณเจ้าหนี้คนนั้นมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม กฎหมายอาญามาตรา 326 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ …ดังนั้นลูกหนี้ไม่ใช่ทาส ที่คุณจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะจ๊ะบังคับคดี…โดยอายัดเงินเดือน เอา เถอะครับ ในส่วนของเงินกู้นั้น เมื่อศาลเขาพิจารณาตัดสินคดีแล้วว่า ลูกหนี้ก็ไปกู้เงินเขามาจริง ศาลก็จะ ให้ใช้หนี้คืนตามความเป็นจริง แต่ถ้าหากลูกหนี้ไม่ยอมใช้คืนตามคำพิพากษา ศาลก็จะอนุญาตให้เจ้าหนี้ อายัดเงินเดือนลูกหนี้ได้ แต่ช้าก่อนครับ ศาลไม่อนุญาตให้คุณอายัดเงินเดือนของลูกหนี้ที่มีจำนวนไม่ถึง 10,000.-บาทครับ ส่วนข้าราชการนั้นปิดประตูตายเลยครับสำหรับวิธีการนี้ เพราะคุณไม่สามารถอายัด เงินเดือนของข้าราชการแม้ว่าเขาจะมีเงินเดือนสูงเกินกว่า 10,000.-บาทครับ เพราะว่าเงินเดือนข้า ราชการเป็นเงินที่จ่ายจากงบประมาณของรัฐ จากกระทรวงการคลัง ศาลไม่มีสิทธิสั่งฟ้องร้องบังคับคดี ให้กระทรวงการคลังนำเงินของลูกหนี้มาจ่ายหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ครับบังคับคดี…โดยยึดทรัพย์ ไม่ เป็นไรครับอายัดเงินเดือนไม่ได้ก็ต้องยึดทรัพย์ แต่ใช่ว่าคุณเจ้าหนี้จะสามารถบุกเข้าไปยึดทรัพย์ลูกหนี้ ได้ตามใจชอบนะครับ เพราะกฎหมายก็ต้องคุ้มครองลูกหนี้ด้วย โดยกำหนดไว้ในวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ว่าคุณเจ้าหนี้ไม่สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินต่อไปนี้ของลูกหนี้ครับ เครื่อง นุ่งห่มหลับนอน เครื่องใช้ในครัวเรือน ราคารวมกันไม่เกิน 50,000.-บาท เครื่อง มือหรือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการเลี้ยงชีพ หรือประกอบวิชาชีพ รวมกันราคาไม่เกิน 100,000.-บาท วัตถุ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องใช้ทำหน้าที่แทน หรือช่วยอวัยวะของลูกหนี้ (เช่น แขนเทียม ขา เทียม รถเข็นคนพิการ ฯลฯ)

วิลลี่ขอโทษหม่ำ นัด"เปิ้ล-หอย"ขมา

ทีมสาระแนโร่ง้อ"หม่ำ" พระ เอก-พิธีกร "วิลลี่"โทร.ขอโทษตลกคนดังแล้วเผยเตรียมนำ "เปิ้ล-หอย" เข้าขอขมาอีกครั้ง แต่ต้องรอว่าจะอารมณ์ดีขึ้นวันไหน ยอมรับไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการโปรโมตหนังที่กำลังถ่ายทำ ด้าน "เปิ้ล-นาคร" เผยสนิทกันมากเลยกล้าเล่น และตอนนี้พยายามตามหาตัว"หม่ำ" เพื่อยกขบวนไปขอโทษ เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่สตูดิโอมูน สตาร์ 1 ซ.ลาดพร้าว 80 กทม. สถานที่จัดพิธีบวงสรวงละคร "สูตรเสน่หา" ของบริษัท ละครไท จำกัด มีนักแสดงร่วมพิธีจำนวนมาก อาทิ เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, แอน ทองประสม, ซอนย่า คูลิ่ง, เป้ย-ปานวาด เหมมณี, ต่าย-เพ็ญพักตร์ เพ็ญกุล, ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี และ วิลลี่ แมคอินทอช ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวง ผู้สื่อข่าวสอบถามพระเอก-พิธีกรชื่อดัง "วิลลี่ แมคอินทอช" ถึงกรณี "หม่ำ จ๊กมก" ตลกดังแถลงข่าวไม่พอใจรายการสาระแนโชว์ ที่หลอกไปถ่ายโฆษณาแต่กลับกลั่นแกล้งรุนแรง "วิลลี่" กล่าวว่า "ผมโทร.ไปขอโทษพี่หม่ำเรียบร้อยแล้ว พี่หม่ำไม่ได้โกรธผมเพราะผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น แต่พี่หม่ำงอนพี่เปิ้ล (นาคร ศิลาชัย) กับพี่หอย (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) เพราะสองคนนี้เป็นคนดำเนินรายการเรื่องราวตรงนี้"พระเอก-พิธีกรชื่อดังกล่าวอีกว่า จริงๆ พี่หม่ำเป็นคนที่น่ารักมาก เป็นคนดี และมีบุญคุณกับพวกเรา 3 คน เพราะพี่หม่ำเป็นคนที่พาให้เราได้มีโอกาสมาทำหนัง บังเอิญว่าพี่หม่ำสนิทกับพี่เปิ้ลแล้วพี่เปิ้ลเป็นคนทำให้พี่หม่ำงอน พี่หม่ำรับโทรศัพท์ตนคนเดียวแต่ยังไม่รับของพี่เปิ้ลกับพี่หอย"ถึงพี่หม่ำจะรับขอโทษจากผม แต่ยังไงก็ต้องไปขอขมาส่วนตัว เพราะไปทำให้พี่เขาตกใจ ผมบอกพี่เปิ้ลแล้วในส่วนนี้ ตอนนี้ก็ยังหาวันกันอยู่ ต้องรอดูคิวพี่หม่ำเป็นหลักว่าจะอารมณ์ดีขึ้นวันไหน ว่างพอที่จะเปิดใจคุยกับพี่เปิ้ลและพี่หอยหรือยัง คาดว่าอีก 1-2 วัน รอให้พี่หม่ำหายงอนก่อนดีกว่า ผมอาจจะพาเข้าไปขอขมา ยังไงก็เป็นพี่น้องกันในวงการบันเทิง พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำรุนแรง" วิลลี่ กล่าวเมื่อถามว่า "เปิ้ล" กับ "หอย" ว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ วิลลี่กล่าวว่า "ตั้งแต่เกิดเรื่องพี่เปิ้ลกับพี่หอยโทร.หาพี่หม่ำทุกวัน แต่พี่หม่ำยังไม่รับสายเลย ผมว่าพี่หม่ำคงจะเอาคืนเพราะสองคนนั้นไปแกล้งเขา เลยอยากปล่อยให้พี่เปิ้ลกับพี่หอยทรมานสัก 2-3 วันดูซิว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง"ต่อข้อถามว่า คิดหรือไม่ว่าเรื่องจะใหญ่โตอย่างนี้ พระเอกรุ่นใหญ่กล่าวว่า "แรกๆ ผมก็ตกใจไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขนาดนี้ แต่พอผมรู้จากพี่หม่ำว่าเขาไม่ได้โกรธเพียงแค่งอนที่สนิทกับพี่เปิ้ลมากเลยไม่คิดว่าพี่เปิ้ลจะทำกับเขาแบบนี้"ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการโปรโมตหนัง "สาระแน ห้าว เป้ง" หรือไม่ วิลลี่หัวเราะก่อนกล่าวว่า "ถ้าเป็นการโปรโมตจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่เผอิญว่ายังไม่รู้เลยว่าหนังจะเข้าโรงเมื่อไร รู้สึกจะโปรโมตล่วงหน้าไปนิดนึง ถ้ามีกำหนดวันเข้าฉายแน่นอนแล้วโปรโมตล่วงหน้าสัก 1-2 อาทิตย์ก็คงจะดี แต่ตอนนี้หนังยังไม่เสร็จดี และไม่มีกำหนดเข้าโรง ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นการโปรโมตหรอก"ต่อข้อถามว่า หลังจากนี้ต้องระมัดระวังในการแกล้งนักแสดงคนอื่นหรือไม่ วิลลี่กล่าวว่า "ผมคิดว่านักแสดงคนอื่นไม่น่ามีปัญหาอะไร และเราก็ไม่ได้แกล้งรุนแรงเพราะสิ่งที่เราทำแค่อยากสร้างสีสันในชีวิตเขาเท่านั้นเอง เรามองเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว"เมื่อถามว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยหรือไม่ เพราะครั้งหนึ่งรายการ "สาระแน" เคยแกล้งทำไฟไหม้บนรถเมล์แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งตกใจวิ่งจนตกรถเมล์และบาดเจ็บและออกมาโวยวาย พิธีกรหนุ่มกล่าวว่า "ไม่หรอกครับ ครั้งนี้เราจะไม่ทำกับประชาชนทั่วไป จะเล่นกับคนในวงการบันเทิงที่เราเคลียร์ได้จริงๆ" เมื่อถามว่าขนาดสนิทกับหม่ำอย่างดียังเคลียร์ไม่ได้เลย วิลลี่แจงว่า "ผมเชื่อว่าพี่หม่ำไม่ได้ซีเรียสมาก เขาคงอยากจะเอาคืนพี่เปิ้ล ผมเองก็เตือนให้พี่เปิ้ลระวังตัวให้ดีด้วย"ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าแรงไปหรือไม่ที่ไปแกล้งหม่ำแบบนั้น วิลลี่กล่าวว่า "ไม่หรอกครับ จริงๆ ผมยังไม่เห็นภาพทั้งหมด คือต้องไปดูในภาพว่าเป็นยังไง แต่ผมเข้าใจว่าพี่หม่ำกลัวมากเพราะเป็นจุดอ่อนของพี่เขาด้วย ผมเองก็คิดว่าพี่เปิ้ลไม่น่าทำอย่างนั้น ผมจะพยายามเป็นกาวใจประสานทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะเรื่องนี้ต้องมีคนกลางไกล่เกลี่ย พี่เปิ้ลเองก็ซีเรียสไม่คิดว่าพี่หม่ำจะโกรธขนาดนี้ พวกเราทุกคนรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น"และในเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน รายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ช่อง 3 ช่วงเจาะข่าวเด่นของพิธีกร "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" เชิญ "เปิ้ล" นาคร ศิลาชัย และนายนฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับหนังเรื่อง "สาระแน ห้าว เป้ง" มาร่วมรายการและชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยก่อนออกรายการ "เปิ้ล-นาคร" เปิดเผยว่า หลังจากได้ยินข่าวเมื่อวานก็รู้สึกตกใจเพราะไม่นึกว่าจะเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วประมาณเดือนกว่าๆ และที่ผ่านมาก็มีการขอโทษพี่หม่ำไปแล้ว รวมถึงก่อนจะเกิดเรื่องได้ปรึกษาเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งเสี่ยเจียงก็รับปากว่าจะเคลียร์ให้ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกผู้สื่อข่าวย้อนถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร "เปิ้ล-นาคร" เผยว่า ที่เอาพี่หม่ำมาร่วมแสดงเกิดจากความตั้งใจขที่จะต้องหาตัวที่เด่นในแต่ละวงการ อย่างเช่น วงการแอ๊กชั่น, ผี, วัยรุ่น หรือดราม่า ซึ่งตัวพี่หม่ำก็ถูกคัดเลือกให้อยู่ในส่วนของ ดราม่า จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลว่าพี่หม่ำเป็นคนที่เวลาเล่นอะไรออกไปแล้วจะมีปฏิกิริยา ซึ่งไปลงตัวที่เรื่องของการแสดงที่หวาดเสียว โดยหาข้อมูลทั้งจากตัวภรรยา จากทีมงานหรือนักแสดงที่เคยเล่นกับพี่หม่ำ และก็มานั่งคิดกันต่อว่าจะเล่นอะไรได้ขนาดไหน สรุปสุดท้ายก็เล่นเป็นฉากที่ไปถ่ายทำกัน เป็นฉากรณรงค์เมาไม่ขับ แต่พี่หม่ำไม่ได้รู้รายละเอียดข้างในว่ามีอะไรบ้าง รู้แต่เพียงว่าไปเล่นแล้วขอมุขฮาๆ เปิ้ล-นาคร กล่าวต่อว่า ก่อนการถ่ายทำมีการ เตรียมการเป็นอย่างดี เพราะฉากแอ๊กชั่นฉากนี้ มันต้องเซฟที่สุดโดยอยากได้ฉากที่เหมือนในโฆษณารถ ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งสตันต์แมนคนขับต้องขับเอียงข้าง 2 ล้อ วันนั้นไปถ่ายทำที่สถานีรถไฟองครักษ์ นครนายก โดยใช้กล้องเล็กๆ วางตรงจุดต่างๆ ถึง 20 ตัว ก่อนถ่ายทำหลายวันเรามีการซักซ้อมกันตลอดเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด จนถ่ายจริงพี่หม่ำก็มาถ่าย ตอนนั้นยอมรับว่าเครียดเหมือนกันเพราะทราบแน่ๆ ว่าหลังจากที่ถ่ายทำฉากนี้แล้ว จะต้องถูกด่า แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นการด่าแค่พี่น้องเพราะตนกับพี่หม่ำสนิทกันมาก กินข้าว กินเหล้า ไปเที่ยวด้วยกัน"แต่พอถ่ายทำจริงไม่ถึง 5 นาที หลังจากถ่ายเสร็จพี่หม่ำออกมาแล้วด่ากราดเลย ว่าทำไมพวกผมทำกับแกอย่างนั้น ถ่าย 5 นาที แต่พี่หม่ำด่าประมาณครึ่งชั่วโมง ด้วยอารมณ์ที่โกรธจริงๆ จากนั้นพี่หม่ำ เรียกมอเตอร์ไซค์ที่อยู่แถวนั้นให้ออกไปส่งถนนใหญ่แล้วก็นั่งแท็กซี่กลับกรุงเทพฯ เลย ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าผมเครียดมาก เพราะไม่นึกว่าพี่หม่ำจะเป็นถึงขนาดนี้และได้ไปปรึกษากับเสี่ยเจียง และทางเสี่ยเจียงก็รับปากว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ให้ แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีข่าวออกมาอีก เมื่อวานหลังจากที่รู้ข่าวก็โทร.ไปหาพี่หม่ำทันที พี่หม่ำก็บอกว่าไม่ได้โกรธแต่งอน ผมเลยบอกว่าผมอยากขอโทษพี่ จะพาทีมงานไปขอโทษพี่ด้วยในสิ่งที่ทำลงไป สำหรับวันนี้ที่ผมมาออกรายการ เพราะผมไม่อยากให้หลายๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าเราทะเลาะกัน ความจริงแล้วเราสนิทกันมากและบอกตรงๆ ว่า ถ้าเล่นหนักๆ แบบนี้ถ้าไม่สนิทกันผมก็คงไม่กล้าเล่นเด็ดขาด เพราะเคยเจอมาแล้วอย่างกรณีที่ไปแกล้งคนบนรถเมล์" เปิ้ล-นาคร กล่าวผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าการทำแบบนี้เหมือนเป็นการโปรโมตหนัง "สาระแน ห้าว เป้ง" ด้วยหรือเปล่า "เปิ้ล-นาคร" กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะว่าหนังจะเข้าฉายอีกประมาณเดือนครึ่ง ถ้าโปรโมตต้องรอให้หนังใกล้ๆ จะเข้าฉายไม่ดีกว่าหรือ และก่อนหน้านี้ในที่ประชุมของบริษัท ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่าจะเอาตอนนี้มาเป็นจุดโปรโมตหนัง แต่วิลลี่เป็นคนบอกเองว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งเพราะเราทำหนังตลกและจะเอาเรื่องซีเรียสแบบนี้มาออกได้อย่างไรเมื่อสอบถามต่อไปอีกว่า ตอนนี้สรุปแล้วจะนำเอาซีนนี้จากรายการสาระแนโชว์ ไปรวมเป็นหนังหรือเปล่า "เปิ้ล" กล่าวว่า ตรงนี้ต้องไปคุยกัน และคงให้ผู้ใหญ่ช่วยอีกเช่นเคย ถ้าหากว่าพี่หม่ำไม่ยอมจริงๆ ตนก็คงจะต้องดูว่าจะทำอะไรเพิ่มได้บ้าง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วจะมีการไปขอขมา "หม่ำ" เมื่อไหร่ "เปิ้ล" กล่าวว่า ตอนนี้กำลังให้ทีมงานเช็กอยู่ว่าพี่หม่ำอยู่ที่ไหน ก็จะยกขบวนไปขอโทษกัน

'วิลลี่'รับผิดอำแรง'หม่ำ' พา'เปิ้ล-หอย'ขอขมา

หลังจากหม่ำ จ๊กมก หรือนายเพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา ซุปเปอร์ตลกชื่อดัง ออกมาโวยถูก วิลลี่-เปิ้ล-หอย 3 หนุ่มพิธีกรรายการสาระแน อำแรง หลอกให้ไปเข้าฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “สาระแนห้าวเป้ง” แต่กลับกุเรื่องว่าให้ไปถ่ายโฆษณารณรงค์เมาไม่ขับ โดยในการถ่ายทำมีการสร้างเหตุการณ์หวาดเสียว จนหม่ำเกิดความกลัวสุดขีด และแสดงความไม่พอใจด้วยการออกมาแถลงข่าวโวย 3 หนุ่ม ว่า เล่นกันแรงเกินขอบเขตจนทำให้เสียความรู้สึกนั้น

ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 18 มี.ค. วิลลี่ แมคอินทอช 1 ใน 3 พิธีกร ได้มาร่วมพิธีบวงสรวงเปิดกล้องละครเรื่องสูตรเสน่หา ที่มูนสตาร์สตูดิโอ ซอยสหการประมูล ย่านเหม่งจ๋าย พร้อมกับกล่าวยอมรับผิดแทนเพื่อนกลุ่มสาระแน ถึงเหตุการณ์ที่หม่ำออกมาโวยต่อสื่อ พร้อมรับปากจะเป็นกาวใจเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยวิลลี่ได้กล่าวยอมรับว่า ตั้งแต่ทราบเรื่องได้โทรศัพท์ไปขอโทษพี่หม่ำ ซึ่งพี่หม่ำไม่ได้โกรธตน เพียงแต่งอนเปิ้ลกับหอย เพราะตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เปิ้ลกับหอยเป็นคนดำเนินรายการ พี่หม่ำเป็นคนน่ารัก เป็นคนดีและเป็นคนที่มีบุญคุณกับพวกเรา เป็นคนที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสทำหนัง เพราะบังเอิญเขาสนิทกับเปิ้ล แต่เปิ้ลกลับเป็นคนไปทำพี่หม่ำงอน ได้เตือนเปิ้ลว่า อย่างไรต้องขอขมาพี่หม่ำ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างหาวันเข้าไปหาพี่หม่ำเพื่อขอโทษขอขมากันอยู่ ที่ผ่านมาพี่หม่ำรับโทรศัพท์ตน แต่ไม่รับโทรศัพท์ของเปิ้ลกับหอย เพราะ 2 คนไปทำให้พี่หม่ำตกใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการบันทึกเทปรายการสาระแน แต่เป็นฉากหนึ่งในหนังเรื่องสาระแนห้าวเป้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำเทปดังกล่าวออกฉายหรือไม่ วิลลี่กล่าวว่า ขอให้เป็นการตัดสินใจของพี่หม่ำ ถ้าพี่หม่ำหายโกรธหายงอนเปิ้ลกับหอย ก็ไม่น่ามีปัญหา ต้องรอวันที่พี่หม่ำหายงอน ตนอาจจะพาเข้าไปขอขมาขอโทษเพราะยังไงก็เป็นพี่น้องในวงการเดียวกัน ไม่ได้มีเจตนาที่ทำอะไรรุนแรง เปิ้ลกับหอยพยายามโทร.หาพี่หม่ำทุกวันตั้งแต่เกิดเรื่องเพื่อขอโทษแต่พี่หม่ำยังไม่ยอมรับสาย เชื่อว่าพี่หม่ำคงเอาคืนบ้าง สำหรับวันที่จะเข้าไปขอขมายังกำหนดไม่ได้ต้องขอดูคิวพี่หม่ำ ดูว่าพี่หม่ำจะอารมณ์ดีขึ้นวันไหน ว่างเปิดใจคุยกับเปิ้ลกับหอยหรือยัง ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ตนจะพา 2 คน ไปขอขมาทันที

วิลลี่กล่าวต่อว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ แต่พวกเรารู้จักพี่หม่ำดี รู้ว่าจริงๆ พี่หม่ำไม่ได้โกรธแค่งอนเพราะเค้าสนิทกับเปิ้ลมาก ส่วนที่ถามว่า การออกมาแถลงเรื่องนี้ เป็นการโปรโมตให้ภาพยนตร์ดังหรือไม่นั้น ถ้าคิดในแง่การ โปรโมตก็คงดีเหมือนกัน แต่บังเอิญไม่รู้เหมือนกัน หนังจะเข้าฉายเมื่อไหร่ ถ้าเป็นการโปรโมตก็โปรโมตล่วงหน้า นานไปนิดนึง ถ้ามีกำหนดแล้วโปรโมตใกล้ๆ คงดี แต่อันนี้ ยังถ่ายทำไม่เสร็จเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ถ่ายไปตรงนี้ จะได้ออกฉายหรือเปล่า คงต้องรอคุยแล้วแต่ความยินยอมของพี่หม่ำ ถ้าพี่หม่ำไม่ให้ออกฉายยังไงก็ฉายไม่ได้ แต่ภาพ ที่เกิดขึ้นเป็นภาพที่พี่หม่ำไม่เคยทำมาก่อน แต่อย่างไรเสียเราต้องให้เกียรติพี่หม่ำ เพราะพี่หม่ำเป็นตลกชั้นแนวหน้าและอาวุโสของวงการบันเทิง ต้องให้เกียรติแบบพี่ แบบน้อง ถ้าผิดก็ต้องขอโทษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รายการสาระแน มักจะชอบแกล้งคนอื่น จนถูกโวยมาแล้วหลายครั้ง จะมีการระมัดระวังบ้างหรือไม่ พระเอกหนุ่มยืนยันว่า การไปแกล้งคนอื่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจะไม่ไปกระทำกับประชาชน ทั่วไป จะเล่นกับคนวงการบันเทิงที่เคลียร์ได้ เรารู้ว่าทำในสิ่งที่เราควบคุมได้ กรณีพี่หม่ำ ตนเชื่อว่าพี่หม่ำไม่ได้ ซีเรียสอะไรมาก คงงอนเปิ้ลและจะเอาคืนเปิ้ล ในภาพเป็นยังไงตนไม่ได้เห็น แต่คงไม่รุนแรงอะไรมากมาย แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้พี่หม่ำเกิดความกลัว เพราะเป็นจุดอ่อนของพี่หม่ำด้วย เปิ้ลไม่น่าทำแบบนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เชิงเป็นการนำจุดอ่อนดารามากลั่นแกล้ง เพียงแต่เปิ้ลสืบทราบมาว่า เป็นสิ่งที่พี่หม่ำไม่เคยทำมาก่อนเท่านั้นเอง ส่วนดาราคนอื่นๆ ถามว่า จะมีวิธีป้องกันอะไรมั้ย ดาราอื่นๆ คงไม่ทำอะไรที่รุนแรง ถ้าเป็นอะไรที่อยากร่วมสนุก การทำของเราเป็นการสร้างสีสันเท่านั้นเอง ความปลอดภัยไม่ต้องห่วง เป็นอันดับหนึ่ง จากปัญหาตรงนี้ไม่มีผลทำให้โปรเจกต์งานต้องสะดุด ยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องรับหน้าที่กาวใจรู้สึกอย่างไรบ้าง วิลลี่เผยว่า จะพยายามประสานให้ดีที่สุด ต้องมีคนกลางไกล่เกลี่ย ต้องขอขมาพี่หม่ำให้ได้ จากเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเปิ้ลซีเรียสพอสมควร คงคาดไม่ถึงว่าพี่หม่ำจะโกรธจะงอนขนาดนี้ ต่อไปนี้คงอยู่อย่างระแวง พวกเราแกล้งคนเอาไว้เยอะ ทุกคนรู้สึกผิดกับกรณีที่เกิดขึ้น ต้องระวังตัวให้ดีกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมา ปีนี้เป็นปีชงของตนด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้านเลี้ยงปลา ก็มีเรื่องมีข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้า 1

เย็นวันเดียวกัน เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย พร้อมด้วยนายนฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “สาระแนห้าวเป้ง” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หม่ำเกิดอาการไม่พอใจ ที่ถูกอำแรงและออกมาจวกยับ 3 พิธีกร ผ่านทางรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 โดยเปิ้ลกล่าวว่า ได้ขอโทษหม่ำไปแล้วเมื่อวันที่ 17 มี.ค. และวันเกิดเรื่องก็ได้ขอโทษเช่นกัน ขณะที่หม่ำลงจากรถแท็กซี่ในฉาก คือพอเกิดเรื่องแล้วพี่หม่ำลงจากรถแท็กซี่ ตนกับหอยและพวกทีมงาน ก็ได้ไปเฉลยตัว ไหว้ขอโทษพี่หม่ำ ซึ่งพี่หม่ำก็ด่าใส่มาเป็นชุด ก่อนที่เราจะแกล้งใคร เราจะศึกษาก่อนว่าอะไร คือส่วนที่คนไม่เคยเห็นและจริงที่สุดในชีวิตเขา คนทางบ้านอาจจะเห็นพี่หม่ำสนุกสนานมาตลอด แต่จุดนี้คนไม่เคยเห็นว่าเวลากลัวเป็นอย่างไร ตนจะไม่กล้าเล่นเลยถ้าไม่ใช่พี่หม่ำ เพราะตนกับพี่หม่ำสนิทกันมาก กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ขนาดกินข้าวอยู่พี่หม่ำเอาเท้ามาปาดปากตนก็เคย เล่นกันขนาดนี้ได้หมด ฉะนั้นอะไรที่แรงๆแบบนี้บอกได้เลยว่า ไปเล่นกับคนอื่นไม่ได้ แต่เรามั่นใจกับพี่ชายคนนี้

พิธีกรรายการได้ถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการเล่นกับความกลัว คนกลัวตาย เปิ้ลตอบว่า ถามว่ามันน่ากลัวมากหรือไม่ ทีมงานเตรียมงานมา 2 เดือนเพื่อฉากนี้โดยตรง เตรียมทุกจุดทุกที่ที่พี่หม่ำจะผ่าน คนขับรถแท็กซี่ก็เป็นนักขับรถแข่ง เป็นมืออาชีพที่เตรียมมา ถังแก๊สเป็นถังปลอม ได้มีการทดลองฉากนี้หลายครั้งหลายหนจนปลอดภัย ทีมงานสตันต์เป็นทีมระดับหนึ่งของเมืองไทย เสียงระเบิดเป็นเสียงจริง แต่ไม่มีอันตรายแต่ภาพตรงนี้อาจทำให้พี่หม่ำกลัว เพราะมองจากในรถเห็นอะไรวูบวาบค่อนข้างรุนแรง ตรงนี้ก็ยอมรับเป็นใคร ใครก็กลัว วันนั้นได้ขอโทษแล้ว แต่พี่หม่ำรีบขึ้นรถกลับบ้าน ตนพยายามโทรศัพท์ไปหาก็ไม่ยอมรับสาย จึงโทรศัพท์ ไปหาเสี่ยเจียง เล่าเรื่องให้ฟัง เสี่ยเจียงก็บอกว่าจะเคลียร์ให้ จึงรู้สึกสบายใจขึ้น จนเมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีข่าวว่าพี่หม่ำยังโกรธอยู่ ยังงอนอยู่ ตนก็โทรศัพท์ไปหา พี่หม่ำก็รับสายเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่อง ถามว่าโทร.มาทำไมเปิ้ล ตนก็ขอโทษพี่หม่ำและถามว่ายังไม่หายโกรธหรือ พี่หม่ำก็บอกว่ากูงอน มึงไม่ต้องมาพูดเลย และบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตนยังบอกไปว่าวันหลังจะเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้พี่นะ แต่พี่หม่ำบอกว่ามึงหาตัวกูให้เจอก่อนก็แล้วกันก่อนจะวางสายไป

เมื่อถามว่าจะนำฉากที่หลอกหม่ำไปถ่ายมาประกอบภาพยนตร์หรือไม่ เปิ้ลตอบว่า ก็ต้องนำมาประกอบด้วยเพราะลงทุนไปขนาดนั้น แต่ขึ้นอยู่กับพี่หม่ำ หากไม่อนุญาตก็ต้องตัดออก ถ่ายทำไปแล้วมันต้องอยู่เพราะอยู่ในบทหนังทั้งหมด โครงเรื่องทั้งหมดค่อนข้างสำคัญ ถ้าพี่หม่ำไม่อนุญาตก็จบเราต้องเคารพสิทธิของเขา ในส่วนความรู้สึกว่าแรงไปหรือไม่ คือแรง แต่จะไม่เล่นแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่สนิท พี่หม่ำเหมือนพี่ชาย ถ้าไม่มีเขาหนังเรื่องนี้จะไม่เกิด เพราะเขาเป็นคนติดต่อพาตนไปพบเสี่ยเจียง พี่หม่ำเป็นคนให้คำปรึกษามาตลอด ตนก็บอกว่าอยากให้พี่หม่ำมีส่วนในหนังเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอโทษพี่หม่ำให้ได้ ต้องคุยจนกว่าจะหายงอน ถ้าพี่หม่ำบอกให้ชดใช้โดยให้ทำอะไรก็ได้ จะให้กราบเท้า ก็ได้ ยืนยันว่าขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เหลิมโชว์หลักฐานกลางสภาเส้นทางไซฟ่อนถึงยุบปชป.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (19 มี.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ท่ามกลางคณะรัฐมนตรีที่มานั่งรับฟังการประชุมกันอย่างคึกคัก ซึ่งการประชุมเริ่มขึ้น เมื่อนายชัย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้อนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมทั้งทางวิทยุกระสายเสียงและทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีตลอดการประชุม

จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้เริ่มอภิปรายเป็นคนแรกโดยได้แสดงชาร์ตที่มาที่ไปของเส้นทางเงิน จำนวน 263 ล้านบาท ว่า เป็นช่วงใกล้เลือกตั้งพอดี ที่สำคัญเมื่อคืนวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา มีคนไปขอเอกสารคำให้การในคดีนี้ จึงขอกล่าวหาว่านายกฯได้ทำความผิดฐานฉ้อราษฎร์เอาเงินประชาชนจากตลาดหลักทรัพย์ และบังหลวงไม่แสดงบัญชีรายรับของพรรคประชาธิปัตย์อย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้กระทำการไซฟ่อนเงินที่ได้รับเงินสนับสนุน

นอกจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ยังนำเงินที่ได้รับจาก กกต. ไปว่าจ้างจัดทำป้ายโฆษณา แต่ไม่มีการทำธุรกรรมอย่างแท้จริง นายอภิสิทธิ์ ได้เซ็นรับรองงบดุลประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2548 ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพฤติกรรมทุกอย่างนายอภิสิทธิ์ล้วนต้องรับรู้รับทราบ จึงขอกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้บริหารพรรคบางส่วน ได้กระทำผิดฐานรับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองโดยไม่เปิดเผย และไม่จ่ายเงินที่ได้รับจาก กกต.ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งความผิดฐานที่ไม่แจ้งรายรับต่อ กกต.มีโทษถึงขั้นยุบพรรค ตนจึงอยากพิสูจน์คำว่านิติธรรม นิติรัฐที่นายกรัฐมนตรีพร่ำบอกอยู่เสมอนั้นว่าจะเป็นจริงหรือไม่ หรือพอเหตุเกิดกับคนกลุ่มหนึ่งต้องผิดทุกเรื่อง แต่พอเกิดกับอีกกลุ่มหนึ่งไม่มีความผิด จึงอยากรู้ว่าบ้านเมืองนี้มีความยุติธรรมอยู่จริงหรือไม่

วันอาทิตย์, มีนาคม 15, 2552

"ต้อย แอคเนอร์"เตรียมขอขมา-ถอนคำร้องทุกข์ ที่สน.สุทธิสาร 16 มี.ค.นี้

มูลนิธิเพื่อนหญิงเผย"ต้อย แอคเนอร์" เตรียมนัดขอขมาถอนคำร้องทุกข์ ที่สน.สุทธิสาร 16 มี.ค.นี้ อ้างออกมาพาดพิงในทางไม่ดีเพราะทนายแนะนำ
P { margin: 0px; }
น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ถึงความคืบหน้า กรณีนายนายเกรียงศักดิ์ สกุลชัย หรือต้อย แอคเนอร์ เจ้าของหนังสือพิมพ์บันเทิงมายาแชนแนล ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจาร น.ส.เพชรคัมภรณ์ หรือโอ๋ งามช่อ นักศึกษาปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม นักศึกษาฝึกงาน ภายในที่ทำงานและห้องพักชั้น 8 เลิศอุบล คอนโดมิเนียม ลาดพร้าวซอย 8 กทม.ว่า ในฐานะที่มูลนิธิฯให้ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษากับผู้เสียหาย โดยได้รับแจ้งว่าในวันที่ 16 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ต้อย แอคเนอร์ ได้นัดผู้เสียหายเพื่อขอขมาขอโทษและถอนคำร้องทุกข์ ที่สน.สุทธิสาร
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า ทางผู้เสียหายและมารดาไม่ได้ต้องการเอาโทษถึงขั้นติดคุก แต่อยากให้มีสำนึกรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป โดยนายต้อยได้พยายามติดต่อเข้ามาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ลูกและครอบครัวได้รับผลกระทบ และที่ผ่านมาที่ออกมาแถลงข่าวกล่าวพาดพิงถึงผู้เสียหายและมารดาในทางที่ไม่ดี ได้ทำลงไปเนื่องจากทนายความแนะนำมา แต่ตอนนี้นายต้อยเกิดไม่ถูกคอกับทนายความแล้ว เพราะมองกันคนละมุม นายต้อยจึงขอมาแสดงความรับผิดชอบและขอโทษกับพฤติกรรมที่ทำลงไปว่า ทำไม่เหมาะสมจริง ส่วนที่เคยพูดต่อว่าผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายก็ไม่ได้เป็นตามที่ต่อว่าเช่นว่า ผู้เสียหายทำเพื่อแบล็คเมล์ตัวเอง

"นายต้อย แอคเนอร์ ยอมรับว่าได้ก่อความเสียหาย และสำนึกผิดกับสิ่งที้ทำทั้งหมดและสิ่งที่แถลงกล่าวโทษผู้เสียหาย ถือเป็นบทเรียนอุทาหรณ์ว่า ไม่ใช่มีปากก็สักแต่พูด ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เวลาอยากจะเคลียร์ก็มาอ้างว่าลูกหรือครอบครัวเดือดร้อน แต่ตอนทำไม่คิด นายต้อยก็คงจำใจที่ต้องรับผิดชอบการกระทำครั้งนี้และขอให้จบคดี ซึ่งคดีนี้ตำรวจส่งฟ้องอัยการแล้ว อัยการได้ส่งเรื่องให้ตำรวจสอบเพิ่มเติมข้อมูลในบางประเด็น ทราบว่านายต้อยได้ประสานตำรวจ อัยการว่าสำนึกผิดแล้ว และจะขอขมาขอโทษ อยากให้เป็นบทเรียนผู้ชายว่าทำไม่เหมาะสมแล้วอย่าได้คิดว่าผู้หญิงจะกลัวไม่ว่าใหญ่โตมาจากไหน" หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าว

วันเสาร์, มีนาคม 14, 2552

ถล่ม11นัดดับเพื่อนบ้าน เฒ่า 81 โหด อาส.ส.ดัง!

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 มี.ค. ร.ต.ท.สิทธินันท์ เกิดวัน พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.หนองค้างพลู รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่หน้าบ้านเลขที่ 34/5 หมู่ 2 ซอยเพชรเกษม 116 แยก 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานะ กลัดเข็มเพชร ผกก.สน. หนองค้างพลู พ.ต.ท.ปรีชา กองแก้ว รอง ผกก.ป.สน.หนองค้างพลู พ.ต.ท.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผกก.สส.บก.น.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบศพนายจำลอง กริ่มใจ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/8 ตรงข้ามบ้านเกิดเหตุ นอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางถนน ในสภาพสวมกางเกงขาสั้นสีกากี ไม่สวมเสื้อ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุน .32 เข้าที่ลำตัวทั้งหมด 11 นัด ศีรษะมีรอยถูกกระแทกแตก ใกล้กันพบปลอกกระสุนเกลื่อนพื้นจำนวน 12 ปลอก ขณะเดียวกัน ยังมีผู้บาดเจ็บอีกราย พลเมืองดีช่วยนำส่ง รพ.ศรีวิชัย 2 ทราบชื่อนางบุญมาก หรือวรรณา กริ่มใจ อายุ 49 ปี ภรรยาของผู้ตาย ถูกปืนตบเข้าที่ท้ายทอยเป็นแผลแตก
นางบุญมากให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เลี้ยงหลานชายอยู่หน้าบ้าน ส่วนสามีกำลังตากผ้า จู่ๆ ก็มีนายลิขิต ธารณา อายุ 81 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเดินถือปืนเข้ามาหาสามีแล้วบอกว่าจะยิงให้ตายในวันนี้ ก่อนลั่นกระสุนใส่ไม่ยั้งหลายนัด สามีพยายามกระเสือกกระสนวิ่งหนีตาย แต่นายลิขิตยังตามไปยิงซ้ำจนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ตนพยายามเข้าไปห้ามกลับถูกนายลิขิตใช้ปืนตบที่ท้ายทอยจนทรุดฮวบ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่ยืนตะลึงต่อเหตุการณ์ รวมทั้งตำรวจสายตรวจ สน.หนองค้างพลู ที่ผ่านมาประสบเหตุ แต่ไม่กล้าเข้าช่วยเหลือ แถมยังปล่อยให้นายลิขิตวิ่งย้อนเข้าบ้านไปเอารถเก๋งโตโยต้า โคโรลล่า รุ่นเก่า สีน้ำเงิน ทะเบียน ภย 8540 กรุงเทพมหานคร ขับหนีไปหน้าตาเฉย
ภรรยาเหยื่อกระสุนเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามให้การอีกว่า นายลิขิตมีศักดิ์เป็นอาของนายโกวิทย์ ธารณา หรือวิทย์ บางแค ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ชนวนเหตุที่ฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมน่ามาจากเรื่องเก่าคาใจกันเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน ในงานแต่งงานลูกสาวตนที่มีการเปิดเครื่องเสียงฉลองกันตามประสางานรื่นเริง ปรากฏว่า นายลิขิตไม่พอใจเดินมาต่อว่าให้เบาเสียง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตักเตือน ตั้งแต่บัดนั้นจึงเกิดเรื่องบาดหมางกันมาตลอด เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายลิขิตก็เคยชกต่อยกับสามี แต่สู้ไม่ได้ เพราะอายุแก่กว่า กลายเป็นแค้นฝังลึกยาวนาน กระทั่งก่อเหตุสยองขวัญดังกล่าว
ด้านนายวิเชียร เหมือนเผ่าพงษ์ อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านละแวกเดียวกันให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า นายลิขิตมือปืนเฒ่า ชอบทำตัวเป็นนักเลง อาศัยที่ตัวเองเป็นอาของนักการเมืองคนดัง ถ้าบ้านไหนเปิดทีวีเสียงดังก็จะถือมีด ถือปืนมาข่มขู่ สร้างความเอือมระอาให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะกลัวนายลิขิตจะทำร้าย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุประสานทุกท้องที่ช่วยสกัดจับรถคนร้าย แต่สุดท้ายคว้าน้ำเหลว พล.ต.ต. สักกฉัฐ กิตติขจร ผบก.น.9 จึงกำชับให้ พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.สส.บก.น.9 นำกำลังร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.หนองค้างพลู ออกตามล่าตัวมือปืนเฒ่ารายนี้มาดำเนิน คดีแล้ว

วันศุกร์, มีนาคม 13, 2552

Good to Know

You are what you eat คำกล่าวนี้จริงอย่างที่สุด กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ผลของสิ่งที่เรากินเข้าไป จะฟ้องออกมาให้เห็นผ่านทางรูปลักษณ์ร่างกายภายนอก และสุขภาพภายใน ถ้ากินอาหารที่อุดมด้วยไขมัน ความอ้วน และรูปร่างอันอ้วนฉุก็ถามหา พร้อมคลอเลสเตอรอลพุ่งกระฉูด เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด แต่ถ้ากินผักผลไม้เป็นประจำ ก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ส่งเสริมให้รูปร่างดีได้สัดส่วนอย่างเช่น สุขภาพในช่องปากและฟัน สามารถบ่งบอกผลของการทาน ได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะปากคือปราการด่านแรกที่รับอาหาร ทั้งที่มีและไม่มีประโยชน์ ขณะเดียวกัน ฟันต้องทำหน้าที่อย่างหนัก ทั้งกัด ฉีก บด เคี้ยว รวมทั้งเผชิญกับภาวะทั้งกรดและด่างในอาหาร ทำให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุจากผิวฟัน เคลือบฟันสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร สิ่งเหล่านี้ ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของทุกคนปัญหาฟันผุ ฟันสึกกร่อนนั้น มักจะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลรสหวานจัด เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมที่เรากินดื่มเข้าไป จะถูกแบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ในช่องปาก ย่อยสลายกลายเป็นกรด เข้าไปทำลายเคลือบฟันให้ผุกร่อน ทำให้ฟันสูญเสียแคลเซียมไป โดยไม่รู้ตัวนอกจากนี้ อาหาร และเครื่องดื่มบางประเภท นอกจากจะมีน้ำตาลแล้ว ยังมีองค์ประกอบของกรดบางชนิด ที่ส่งผลให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุของฟัน ทำให้ผิวฟันอ่อนตัวลง มีความต้านทานต่อการขัดสีและแรงบดเคี้ยวน้อยลง ฟันจึงสึกกร่อนได้ง่าย มักลุกลามผ่านเคลือบฟันเข้าสู่เนื้อฟัน เกิดอาการเสียวฟันตามมา และอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการบดเคี้ยว สำหรับในรายที่รุนแรง อาจสึกจนทะลุโพรงประสาทฟันได้สิ่งที่จะมาเสริมสร้างความแข็งแรงของฟันได้ นอกจากจะต้องดูแลรักษาอย่างถูกต้องแล้ว ยังจะต้องรู้จักการกินอาหารอีกด้วย สารอาหารประเภทแคลเซียม และฟอสฟอรัส รวมทั้งวิตามิน ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวประกอบให้ฟันเราแข็งแรง และถ้ากินอาหารที่ให้สารอาหารประเภทนี้ไม่พอ ฟันเราก็จะเสียง่ายโดยปกติแล้ว ถ้าเรากินอาหารครบ 5 หมู่ เราก็จะได้ฟอสฟอรัสเพียงพอจากการกินอาหาร แต่ปัญหาอยู่ที่แคลเซียม ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ไม่ได้มีแคลเซียมเสมอไป อาหารที่มีแคลเซียมมากก็คือ น้ำนม เนยแข็ง รองลงมาก็ได้แก่ ผักประเภทกะหล่ำดอก มะเขือเทศ ฟักทอง ผักโขม ตำลึง ใบมะกรูด ใบกระเพาขาว ใบแค ใบบัวบก ใบยอ ใบชะพลู ใบแมงลัก ผักกาดขาว ไข่แดง ปลา ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูก กุ้งแห้ง อาหารที่พอจะมีแคลเซียมอยู่บ้าง ก็เช่น สับปะรด เชอร์รี่ เห็ด กล้วย ถั่วฝักยาว ถั่วเมล็ดแห้ง งาการรักษาโรคฟันนั้นรักษาง่ายกว่าโรคเหงือก เพราะเหงือกเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน มีหน้าที่หุ้มรากฟัน การที่เหงือกจะสวยไม่คล้ำหรือซีด อาหารแต่ละวันควรกินผลไม้สด ผักสด ซึ่งหากินได้ไม่ยากในบ้านเรา เช่น ส้ม มะนาว มะเขือเทศ มะละกอ ฝรั่ง สับปะรด กระหล่ำปลี และควรเลือกกินอาหารที่สดใหม่ ถ้าซอยหรือหั่นแล้วแช่น้ำ วิตามินซีก็จะสูญสลายไปด้วยกุญแจสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่จะไม่กินพวกแป้ง น้ำตาลเลย แต่ต้องระวังในการกินและคิดก่อนกินทุกครั้ง เพราะอาหารมีผลต่อสุขภาพของเรา ถ้าเราสามารถควบคุมการกินแป้งและน้ำตาล กินผักให้เป็นนิสัยก็จะส่งให้สุขภาพของเราดี ยิ้มได้อย่างสวยงามจะเห็นได้ว่าอาหารเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับมนุษย์ทุกเพศทุกวัย เพราะนอกจากการดู และทันตสุขภาพด้วยการแปรงฟันที่ถูกวิธีด้วย และการเลือกกินอาหาร ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย ทั้งนี้ก็เพื่อฟันแข็งแรง และสวยงามตลอดไปของเรานั่นเอง

วันเสาร์, มีนาคม 07, 2552

ตลาดลาดชะโด

ตลาดลาดชะโด เป็นตลาดเก่าแก่ในเขตอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอายุกว่า 100 ปี โดยพัฒนามาจากเรือนแพค้าขายของชาวจีนที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลองในรูปแบบตลาดน้ำ ต่อมาได้สร้างเป็นตลาดไม้ริมฝั่งคลองสำหรับทำการค้าขาย แล้วขยายเข้าไปสู่ฝั่งเรื่อย ๆ จำนวนเกือบร้อยคูหา ในชุมชนมีวัด โรงเรียน ศาลเจ้า โรงสี และโรงฉายภาพยนตร์ที่ยังคงสภาพแบบเดิม ชาวชุมชนลาดชะโดได้ร่วมกันอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนในชุมชน จนได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น เมื่อปี พ.ศ 2549

ลักษณะตลาดลาดชะโดเป็นเรือนแถวขนาดใหญ่หันหน้าเข้าหากันทางเดินกว้างขวาง ในอดีตเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำ คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาทำการค้าขายระหว่างกัน ด้วยความน่าสนใจและเสน่ห์ของตลาดเก่าแห่งนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมเป็นระยะ ทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไทยและละครโทรทัศน์หลายเรื่อง อาทิเช่น “บุญชู” “รักข้ามคลอง” “สตางค์” “ชื่อชอบชวนหาเรื่อง” “ดงดอกเหมย” “ความสุขของกะทิ” เป็นต้นหากมาเที่ยวตลาดลาดชะโดในวันเสาร์ อาทิตย์ จะสามารถซื้อหาสินค้าอาหารที่ชาวบ้านนำมาจำหน่าย มีก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บ ขนมไทย ปลาแห้ง ปลาย่าง สามารถแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต และล่องเรือชมวิถีชีวิตริมคลองลาดชะโด การยกยอ ทอดแห บ้านเรือนไทยริมน้ำ

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่น่าสนใจได้แก่ - วัดลาดชะโด วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แวะสักการะรูปเหมือน หลวงพ่ออุปฌาย์ อิ่ม ธมฺมสาโร (อิ่ม ผาสุกถ้อย) อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดชะโด ซึ่งเป็นที่เคารพของผู้คนในชุมชน ชมศาลาการเปรียญเก่าแก่ ขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเก่า สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2456 เสาทำจากซุงไม้ตะเคียนทั้งต้น พื้นทำจากไม้สักทองทั้งหลัง- โรงเรียนวัดลาดชะโด (ประกาศวิทยาคาร) มีอาคารเรียนสร้างด้วยไม้ใต้ถุนสูง รูปตัว E สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.2503 เป็นอาคารไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บริเวณหน้าโรงเรียนวัดลาดชะโด มีปลาธรรมชาติมากมาย อาทิ ปลาชะโด ปลากราย ปลาหางแพน ปลาสวาย ปลาสลาด และปลาแสลด - บ้านขุนพิทักษ์บริหาร เป็นบ้านไม้ทรงโบราณ 2 ชั้น ติดกับแม่น้ำน้อย เป็นที่อยุ่อาศัยของคหบดีซึ่งทำการขนส่งทางเรือในอดีต

การเดินทาง จากอำเภอผักไห่ ใช้เส้นทาง 3454 เลยตัวอำเภอไปประมาณ 500 เมตร มีทางแยกเลี้ยวซ้ายไปตลาดลาดชะโดเป็นระยะทางอีกประมาณ 2 กิโลเมตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ เทศบาลตำบลลาดชะโด เลขที่ 99 หมู่ 1 ตำบลหนองน้ำใหญ่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายเลขโทรศัพท์ 0 3574 0263 - 4

ข้อมูล : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย thai.tourismthailand.org

รวบ'เจ๊พร' สาวใหญ่นักต้ม เหยื่อนับสิบ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. แถลงข่าว พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เมธา วงศ์อนันต์นนท์ สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุมนางสร้อยนภา หรือรัตนา มนูญศิริกุล หรือเจ๊พร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 77 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 670/2551 ลงวันที่ 15 ก.พ. 2551 ในข้อหาฉ้อโกง และเรียกรับยอมจะรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงาน จับกุมได้ที่บริเวณด่านเจ้าแม่ เขาเกลือ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ขณะ ผู้ต้องหาเดินทางกลับจากเล่นการพนันที่บ่อนในประเทศกัมพูชา โดยมีผู้เสียหายกว่า 10 รายมารอชี้ตัวผู้ต้องหา
พล.ต.ต.ปัญญากล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.ได้รับการประสานข้อมูลจากรายการโทรทัศน์เชิงสืบสวนรายการหนึ่งว่า มีผู้เสียหายหลายรายถูกนางสร้อยนภาหรือเจ๊พร อ้างตัวเป็นเศรษฐินีมีฐานะและรู้จักกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลายคน เข้ามาตีสนิทและตุ๋นเงินเหยื่อไปด้วยวิธีการต่างๆหลายคดี เจ้าทุกข์เสียทรัพย์สินไปจำนวนมาก และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหายังมีหมายจับของศาลอาญา ศาลแขวงพระโขนงและศาลแขวงธนบุรีอีก 3 คดี ในข้อหาฉ้อโกง โดยเมื่อ ปี 47 หลอกลวงผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่งว่าสามารถฝากเข้าทำงานบริษัทการบินไทยได้ เรียกเงิน 4 หมื่นบาท แล้วหลบหนีไป มีการแจ้งความไว้ที่ สน.อุดมสุข อีกรายเมื่อเดือน ก.พ. 51 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.หัวหมาก ว่าถูกนางสร้อยนภาหลอกลวงว่ารู้จักกับอัยการและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามารถช่วยวิ่งเต้นล้มคดีให้ทางญาติของผู้เสียหายได้ จนหลงเชื่อสูญเงินไปกว่า 4 แสนบาท อีกรายเมื่อเดือน พ.ย. 51 ผู้ต้องหาไปตีสนิทเหยื่อหลอกลวงว่า สามารถฝากลูกให้ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่ต้องใช้เงิน 1 ล้านบาท แล้วเชิดเงินหลบหนีไป แจ้งความไว้ที่ สน.บางมด และยังมีผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้และอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีอีกหลายคดี

ขณะที่นางสร้อยนภาให้การรับสารภาพว่า หลอกตุ๋นเหยื่อด้วยวิธีการดังกล่าวมาแล้วหลายราย โดยส่วนใหญ่จะเลือกเหยื่อที่มาติดต่อตามสำนักงานที่ดิน หากเห็นว่าได้เงินจากการขายที่ ก็จะเข้าไปตีสนิทล่อหลอกเอาเงินด้วยวิธีการต่างๆ เงินที่ได้จากการตุ๋นเหยื่อจะนำไปเล่นการพนันไพ่บาคาร่าที่บ่อนที่กัมพูชา พอเงินหมดก็จะเดินทางกลับมาหลอกเหยื่อ เพื่อหาทุนไปเล่นการพนันที่บ่อนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาเคยหลอกเงินเหยื่อได้ 1 ล้านบาท นำไปเล่นพนันบาคาร่าจนหมดตัวภายใน 4 วันเท่านั้น และกระทำเพียงคนเดียวไม่มีผู้ร่วมขบวนการแต่อย่างใด

ผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกตุ๋นเงินไป 1 ล้านบาท เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปลายปีที่แล้วไปติดต่อขายบ้านราคา 2 ล้านบาท ที่สำนักงานที่ดินเขตสวนหลวง เห็นนางสร้อยนภานั่งอยู่ทางด้านหลัง ก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอวันรุ่งปรากฏว่า นางสร้อยนภาไปหาถึงที่บ้านถามว่ามีบ้านขายอีกหรือไม่ ตนมีบ้านประกาศขายอยู่อีกหลังแถวปากน้ำ ราคา 1.9 ล้านบาท จึงพานั่งแท็กซี่ไปดู พอไปถึงนางสร้อยนภาก็ตกลงซื้อทันทีในราคา 2 ล้านบาท จากนั้นโทรศัพท์ไปหาลูกชายบอกให้โอนเงินมา 2 ล้านบาท ระหว่างนั้นผู้ต้องหาชวนคุยถึงเรื่องลูกสาว เพราะตอนไปหาที่บ้านเห็นรูปลูกสาวเพิ่งรับปริญญาโท พร้อมกับบอกว่ามีน้องสาวเป็น ผอ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระ จอมเกล้าธนบุรี สามารถช่วยเหลือให้ลูกสาวตนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐฯได้ พร้อมกับบอกเงื่อนไขว่า คนที่จะไปเรียนต้องมีเงินในบัญชี 3 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์ พร้อมกับหลอกว่าจะโอนเงิน 2 ล้านบาทค่าซื้อบ้านเข้าบัญชีให้ลูกสาวตนก่อน ขณะเดียวกันก็บอกให้ตนไปถอนเงินสด 1 ล้านบาทออกมาจะได้เอาเข้าบัญชีลูกสาวตนพร้อมกัน ตนหลงเชื่อไปเบิกเงินออกมาให้แล้วนั่งรถแท็กซี่ไปด้วยกันเมื่อไปถึงแถวสำนักงานเขตบางมด นางสร้อยนภาออกอุบายว่าจะลงรถไปโอนเงินเข้าบัญชีลูกสาวตนให้ตนนั่งรออยู่บนรถแท็กซี่ แล้วหลบหนีหายตัวไป กระทั่งตำรวจตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 05, 2552

ประกันสังคมเตือนลูกจ้างแจ้งรับสิทธิ์ 2,000 บาท ก่อน 8 มี.ค.นี้

ก.แรงงาน 4 มี.ค.- ประกันสังคมเผยลูกจ้างแจ้งรับเงิน 2,000 แล้ว 5.1 ล้านคน กทม. เยอะสุด สมุทรปราการ-อยุธยา-ชลบุรี ตามลำดับ พร้อมเตือนลูกจ้าง-นายจ้าง แจ้งสิทธิไม่เกิน 8 มี.ค. หวั่นรับเงินไม่ทันเที่ยวสงกรานต์
นางปราณิน มุตตาหารัช รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สปส. มีความพร้อมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการจ่ายเงิน 2,000 บาท ให้กับผู้ประกันตนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ 94 หน่วย 75 จังหวัด และเขตพื้นที่ 11 เขต ทั่ว กทม. ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ล่าสุดมีลูกจ้างผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงิน 2,000 บาท มากรอกแบบฟอร์มขอรับเงินที่ สปส. ตรวจสอบข้อมูลยืนยันถูกต้องแล้ว จำนวนกว่า 5.1 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมปกติ) จำนวน 4.7 ล้านคน ผู้ประกันตนตาม มาตรา 39 (ลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้าง แต่ยังส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม) จำนวน 300,000 คน และผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สมัครใจส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม) จำนวน 15,000 คน โดยแบ่งเป็นเขตพื้นที่ 8 คลองเตย บางนา ประเวศ พระโขนง วัฒนา สวนหลวง 240,000 คน เขตพื้นที่ 7 จอมทอง ทุ่งครุ บางขุนเทียน บางบอน ราษฏรบูรณะ150,000 คน เขตพื้นที่ 3 ดินแดง พญาไท ราชเทวี ห้วยขวาง 130,000 คน ตามลำดับ นางปราณิน กล่าวอีกว่า ส่วนจังหวัดที่มีผู้มาแจ้งรับสิทธิสูงสุด รองจากกรุงเทพฯ ได้แก่ จ.ปทุมธานี 220,000 คน สมุทรปราการ 190,000 คน พระนครศรีอยุธยา 180,000 คน ชลบุรี 160,000 คน ระยอง 160,000 คน ตามลำดับ โดยยืนยันว่า ในรอบแรกตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 8 เม.ย. จะสามารถแจกจ่ายเช็คให้ผู้ประกันตนได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน อย่างแน่นอน ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3 ล้านคน จะทยอยแจกจ่ายให้ในรอบต่อไป ขณะนี้ประกันสังคมมีแผนในการแจกจ่ายเช็คไว้พร้อมแล้ว รอเพียงให้รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังออกระเบียบกลางดำเนินการ หลังจากนั้น สปส. จะได้เดินหน้าทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ในการออกเช็คดังกล่าว โดยมีข้อผูกพันในเรื่องค่าใช้จ่ายในการออกเช็คภายใต้งบประมาณ 40 ล้านบาท ที่รัฐบาลได้อนุมัติมาแล้ว และขอย้ำ สปส. จะไม่นำเงินกองทุนประกันสังคมมาดำเนินการในส่วนตรงนี้ และไม่สามารถทำได้เพราะขัดกับกฎหมายประกันสังคม ผิดวัตถุประสงค์ของกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองผู้ประกันตน ไม่มีเจตนานำไปกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ด้าน นายปั้น วรรณวินิจ เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า ขอแจ้งผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงิน 2,000 บาท รีบยื่นแบบคำขอรับเงินภายในวันที่ 6 มี.ค. นี้ แต่หากคนใดไม่สามารถมาติดต่อได้ภายในวันที่ 6 มี.ค. สปส.จะเปิดให้บริการเพิ่ม ในวันเสาร์ที่ 7 มี.ค. และวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค. อย่างไรก็ตาม สปส. ยังคงเปิดรับยื่นแบบคำขออย่างต่อเนื่อง แต่หากนายจ้างหรือผู้ประกันตนยื่นช้า อาจทำให้ได้รับเช็คช้าออกไปอาจเป็นหลังเทศกาลสงกรานต์ ส่วนผู้ที่ยื่นไม่ทันหรือมีปัญหา สปส. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 พ.ย.