วันศุกร์, พฤศจิกายน 28, 2551

อินเดียเลือดท่วม 101 ศพ มูจาฮีดีนบุกถล่ม




สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่า กองกำลังติดอาวุธบุกจู่โจมสถานที่สำคัญหลายจุดในนครมุมไบ หรือบอมเบย์ ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจการเงิน แถบชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย เมื่อเวลาราว 22.30 น. ของคืนวันพุธที่ 26 พ.ย. หรือตรงกับเที่ยงคืนของไทย มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 101 คน บาดเจ็บ 300 คน และยังมีถูกจับเป็นตัวประกันอีกจำนวนหนึ่ง มีทั้งชาวอเมริกัน อังกฤษ อิตาลี สวีเดน แคนาดา เยเมน นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และอิสราเอลมีการยิงต่อสู้กัน 10 จุดระหว่างกลุ่มผู้ก่อเหตุกับหน่วยคอมมานโด คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 8 คน เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 11 คน รวมทั้งนายเฮมานท์ คาร์คาเร หัวหน้ากองกำลังปราบปรามผู้ก่อการร้ายของนครมุมไบ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอมเบย์ กล่าวว่า มีชาวยุโรป 9 คน ญี่ปุ่น 1 คน บาดเจ็บถูกนำมาจากโรงแรมทัชมาฮาล สำหรับผู้เสียชีวิตมีชาวญี่ปุ่น 1 คน ชื่อนายฮิซาชิ สึดะ อายุ 38 ปี นอกจากนี้ยังมีชาวออสเตรเลีย อังกฤษ และอิตาลี อีกชาติละ 1 คนด้วย

สื่อมวลชนของอินเดียรายงานว่า คนร้ายเดินทางมาทางเรือ เป็นกองกำลังที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักชื่อ “เดคคาน มูจาฮีดีน” เรียกร้องให้อินเดียปล่อยตัวชาวมุสลิมที่ถูกจับกุมขังทั้งหมด สำหรับเป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้ายคือ โรงแรมระดับ 5 ดาว 2 แห่ง ชื่อ “ทัช มาฮาล” และ “โอเบอรอย ไทรเดนท์” และสำนักงานตำรวจทางใต้ของมุมไบ

นอกจากนี้มีสถานที่อื่นๆอีกคือสถานีรถไฟเก่าแก่ชื่อ “ฉัตราพาที สิวะจี” ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย โกธิค สมัยศตวรรษที่ 19 โรงพยาบาลอีก 2 แห่ง คือ คามา ฮอสปิตอล และ จีที ฮอสปิตอล “ลีโอโพลด์” ร้านอาหารหรูประจำเมืองที่คนรวยและชาวต่างชาตินิยมใช้บริการ และสำนักงานชาวยิวชื่อ “นาริมาน เฮาส์” มีกลุ่มคนร้ายบุกจับพระของศาสนายิว หรือแรบไบ และครอบครัวเป็นตัวประกัน หน่วยคอมมานโดถูกส่งเข้าไปล่าคนร้ายและช่วยตัวประกันภายในโรงแรมทัชมาฮาล กระทั่งเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นเกิดยิงกันและระเบิดขึ้นหลายจุดภายในโรงแรม เปลวเพลิงและควันพุ่งออกมาจากห้องพักหลายห้อง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ ตำรวจใช้รถกระเช้าฉีดน้ำจากมุมสูงลงไป เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งใช้บันไดพาดจากรถไปยังระเบียงห้องพักช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ออกมา ขณะที่เพลิงโหมไหม้จนถึงช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี

นายราเกช พาเทล ชาวอังกฤษ ซึ่งพักที่โรงแรมทัชมาฮาล เผยนาทีระทึกขวัญว่า ตนกับชาวต่างชาติที่พักอยู่หลายสิบคนถูกชายวัยรุ่น 2 คนซึ่งมีอาวุธสงครามต้อนขึ้นไปชั้น 18 ของโรงแรม และประกาศหาตัวคนที่ถือพาสปอร์ตอังกฤษและอเมริกัน ด้วยความกลัวทำให้หาทางหนีออกมาได้พร้อมกับชาวอเมริกันอีกคนหนึ่ง

นายอเล็กซ์ ชามเบอร์เลน นักธุรกิจชาวอังกฤษซึ่งพักอยู่ที่โรงแรมโอเบอรอย และถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกับชาวต่างชาติอีกหลายคน เล่าว่า คนร้ายวัยรุ่นพูดภาษาฮินดี หรืออูร์ดู ถามหาคนอเมริกันและอังกฤษ แต่ตนปฏิเสธและหนีออกมาได้ ส่วนนายนาซิม อีแนน ซึ่งอยู่ที่สถานีรถไฟ “ฉัตราพาที สิวะจี” เล่าว่า คนร้าย 4 คน สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ไล่ยิงผู้คนไม่เลือกหน้าก่อนหลบหนีไป

นายเอ.เอ็น. รอย ผู้บัญชาการตำรวจรัฐมหาราช กล่าวว่า สถานการณ์ที่โรงแรมทัชมาฮาล คลี่คลายแล้ว ตัวประกันกว่า 100 คน ได้รับอิสระแล้ว แต่ไม่บอกว่าคนร้ายถูกจับ หรือถูกสังหาร ส่วนที่ “ลีโอโพลด์” ร้านอาหารหรูหรากลางนครมุมไบนั้น มีคราบเลือดเต็มร้าน ผนังถูกยิงพรุน สำหรับการโจมตีสำนักงานตำรวจนครมุมไบ และโรงพยาบาล 2 แห่ง ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. นายไบพิน ชริมาลี เลขาฯ รมว.มหาดไทยแห่งรัฐมหาราช ระบุว่ามีผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายถูกสังหาร 4 คน ในการปะทะ 2 จุด ขณะพยายามขับรถหลบหนี ส่วนที่โรงแรมทัชมาฮาล คนร้ายเสียชีวิต 4 คน และถูกจับ 9 คน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเคอร์ฟิวสั่งปิดโรงเรียนและตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม เครื่องบินที่มายังนครมุมไบถูกยกเลิกเพียงไม่กี่เที่ยว

ด้านปฏิกิริยาจากต่างประเทศ โดยนายโรเบิร์ต วู้ด โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ มีชาวอเมริกันเสียชีวิตหรือไม่ รัฐบาลวอชิงตันระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการกระทำที่น่าสยดสยอง ขณะที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งสารแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต ส่วนนายบารัก โอบามา ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกับอินเดียเพื่อถอนรากถอนโคนทำลายเครือข่ายก่อการร้าย

ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ประชุมฉุกเฉินหารือแนวทางช่วยอินเดีย ฝ่ายนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุการโจมตีสุดโหดร้าย ต้องได้รับการตอบแทนที่รุนแรงสาสม ด้านผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศวิเคราะห์ว่าโรงแรมหรูในชาติเอเชียกลายเป็นเป้าโจมตีของกองกำลังอิสลาม โดยยกตัวอย่างเหตุโจมตีโรงแรมต่างๆ เช่น โรงแรมแมริอ็อทในปากีสถาน
วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของไทยแถลงว่า ได้รับรายงานจากสถานกงสุลนครมุมไบว่ามีคนไทยอยู่ในมุมไบ 50-60 คน มี 6 คนทำงานที่โรงแรมโอเบอรอย สามารถติดต่อกับพ่อครัวคนไทยได้แล้ว 1 คน ส่วนพนักงาน สปาคนไทยอีก 5 คน ยังติดต่อไม่ได้ สถานกงสุลยังประกาศเตือนคนไทยในมุมไบให้ระวังตัวและเตรียมแผนการอพยพ

เวลา 18.39 น. ตามเวลาประเทศไทย นายมันโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย แถลงว่า คนร้ายวางแผนมาอย่างดีและน่าจะเชื่อมโยงกับกองกำลังภายนอกประเทศด้วย ส่วนกองทัพเรืออินเดียเข้าตรวจสอบเรือชื่อเอ็มวี อัลพา ที่แล่นมาจากนครการาจีของปากีสถานเทียบท่าที่มุมไบ เพราะสงสัยว่าอาจเป็นเรือที่คนร้ายใช้ลอบเข้ามา

ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่ของอินเดียนับถือศาสนาฮินดู เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เผชิญเหตุถูกกองกำลังคนร้ายลอบโจมตีหลายครั้ง เมื่อเดือน ต.ค. กองกำลังความมั่นคงอิสลาม-มูจาฮีดีน แห่งอินเดีย ออกมาอ้างรับผิดชอบเหตุโจมตีด้วยระเบิดหลายจุดในรัฐอัสสัม ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย มีผู้เสียชีวิตเกือบ 80 คน และอีก 6 อาทิตย์ต่อมา เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในตลาดที่ผู้คนกำลังจับจ่ายซื้อของหนาแน่นในกรุงนิวเดลี มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน มีกลุ่มมูจาฮีดีนแห่งอินเดียอ้างความรับผิดชอบ


พปช. –มัชฌิมาฯ อึ้งศาลรธน.นัดปิดคดีเร็วเกินคาด


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (28 พ.ย.) ว่า นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ได้ตรวจบัญชีพยานของพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทย พรรคพลังประชาชน และของทางอัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว โดยใช้เวลาพิจารณาตรวจเอกสารบัญชีพยานนานประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมานั่งบัลลังก์ชี้แจงต่อคู่กรณีว่า จากเอกสารหลักฐานที่ยื่นมานั้น มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงไม่จำเป็นต้องออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานตามที่ผู้ร้องได้ยื่นขอมา และจะให้หัวหน้าพรรคของทั้ง 3 พรรค ส่งหัวหน้าพรรคหรือผู้แทนมาแถลงปิดคดีด้วยวาจา ในวันที่ 2 ธันวาคม เวลา 09.30 น. หากไม่มาตามนัดจะถือว่าไม่ติดใจนั้น

ด้าน นายฉัตรชัย ชูแก้ว ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า ถือเป็นกระบวนการพิจารณาที่เร็วมาก และเป็นการรวบรัดเกินไป โดยที่พรรคมัชฌิมาฯ ยังไม่ได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 2 ธันวาคม จะให้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรค มาแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง ส่วนในการเพิกถอนสิทธิ์ของกรรมการบริหารพรรคนั้นให้เป็นดุลยพินิจของทางคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนนายธนา เบญจาธิกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจของพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกว่ากระบวนการพิจารณาค่อนข้างรวบรัด ทั้งที่ยังไม่ได้มีการไต่สวน หรือเปิดโอกาสให้กรรมการบริหารพรรคที่ไม่เกี่ยวข้องได้ใช้สิทธิ์ในการชี้แจง ซึ่งศาลได้ยกกระบวนการวิธีพิจารณา โดยนำข้อกำหนดของศาลมาใช้ ซึ่งเป็นอำนาจของศาลที่ทำได้ แต่การพิจารณาประเด็นรัฐธรรมนูญน่าจะให้สิทธิ์เราตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 40 ที่ถือว่าใหญ่กว่าข้อกำหนดวิธีพิจารณาของศาล แต่ไม่เป็นไร เมื่อศาลออกมาอย่างนี้ เราต้องรอลุ้น ว่าผลการพิจารณาจะออกมาอย่างไร

นายธนา กล่าวด้วยว่า สำหรับการแถลงปิดคดียังไม่ทราบว่า ใครจะเป็นผู้มาแถลงด้วยวาจาในครั้งนี้ ต้องมีการหารือกับทีมทนายความกันก่อนว่า จะแถลงปิดคดีอย่างไร ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะโดนเพิกถอนสิทธิ์ทั้งหมดหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของตุลาการฯ ซึ่งทางผู้ร้องยืนยันต่อศาลแล้วว่า ไม่ปรากฏหลักฐานว่า กรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช

วันเสาร์, พฤศจิกายน 22, 2551

ความจริงฯ ไร้ทักษิณโฟนอิน จตุพรอ้าง พธม.มีแผนป้ายสี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 พ.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชาชน และผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ได้เดินทางมาถึงวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ในเวลา 10.45 น. โดยได้ขึ้นเวทีเพื่อทักทายประชาชน โดยระบุสาเหตุที่เลือกวัดสวนแก้ว เพราะต้องการลดความรุนแรงในการชุมนุม โดยจะชุมนุมถึงเวลา 17.00 น.เท่านั้น จากนั้นจะแยกย้ายกันเดินทางกลับเช่นที่ผ่านมา
นายจตุพร กล่าวถึง กรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเขียนจดหมายมายังรายการ ว่า ขณะนี้เข้าใจว่าอาการป่วยของ นายสมัคร ยังหนัก เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่เขียนจดหมายมายังรายการก็มีอาการที่หนักมากพอสมควรแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายสมัครได้ เท่าที่ทราบตอนที่นายสมัครเดินทางไปก็อาการหนักและประเทศไทยก็รักษาไม่ได้แล้ว
ส่วนกรณีจะมีการต่อสายโฟนอินถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณวันนี้ไม่มีกำหนดการ สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชาธิปไตย (พธม.) เกี่ยวกับการเคลื่อนพลไปบุกรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.)นั้น ความจริงแล้วจะเคลื่อนขบวนตั้งแต่คืนนี้ (23 พ.ย.)
ส.ส.พรรคพลังประชาชน กล่าวด้วยว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเผาตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล แล้วป้ายความผิดให้กับคนอื่นหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วรัฐบาลไม่จับคนพวกนี้ ก็ไม่สมควรที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป ขณะนี้ทุกคนทุกฝ่ายทนอยู่ด้วยความอดกลั้น วันนี้ท้ายที่สุดจะมีการบุกยึดรัฐสภาและเข้าไปทำลายทรัพย์สินเช่นเดียวกับที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ทางรัฐสภาเองต้องยืนว่าไม่ย้ายที่ประชุม ประชุมไม่ได้ไม่ต้องย้าย ไม่ต้องเลื่อน ฝ่ายนิติบัญญัติต้องมีจุดยืน ต้องมีเกียรติ ศักดิ์ศรี การเป็นรัฐสภาของประเทศไทย

วันศุกร์, พฤศจิกายน 21, 2551

ชัยสิทธิ์ นั่งหน.เพื่อไทย

สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 25 พ.ย. นี้ เพื่อมาต่อสู้คดีที่คั่งค้างอยู่ในศาล รวมทั้งจะกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ประกาศพร้อมลงเล่นการเมือง โดยจะมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน
“ชัยสิทธิ์” ประกาศลงเล่นการเมือง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่บ้านพักรับรองภายในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเพียงกระแสข่าวเพราะยังไม่มีไฟเขียว แต่อยากจะประกาศว่าจากเดิมที่จะไม่เล่นการเมือง แต่ดูจากสถานการณ์ บ้านเมืองที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงอยากเล่นการเมือง แต่จะเป็นพรรคไหนยังต้องรอ หากเป็นพรรคใหญ่ก็ดีจะได้มีโอกาสทำงาน แต่หากพรรคเพื่อไทยไม่ติดต่อเข้ามาหรือให้เล่น ก็จะอาศัยพรรคพวกที่มีอยู่มาก การตัดสินใจเล่นการเมืองเพราะดูจากสถานการณ์ บ้านเมือง หากเราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือทำงานบ้านเมืองจะไปไม่รอด
ท้าพันธมิตรฯตั้งพรรคการเมืองสู้
“อยากเป็นตัวอย่างให้พวกที่อยู่ทำเนียบฯดูว่า การมาตามระบอบประชาธิปไตยทำอย่างไร คือต้องลงเป็นพรรคการเมือง และถ้าคิดว่ามีเสียงดีก็อยากให้ลงมาเล่นการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประเทศทั่วโลกที่เจริญแล้วทำกันจะกลัวอะไร และความสงบสุขจะเกิดกับประเทศ หากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งพรรคถือเป็นเรื่องดี เพราะกลุ่มพันธมิตรฯจะได้รู้ว่าการทำตามระบอบประชาธิปไตย อย่างประเทศศิวิไลซ์เขาทำกันอย่างไร และผมจะเทคะแนนเสียงให้เขา 1 เสียง ส่วนที่ผมลงเล่นการเมือง ไม่ใช่เพราะต้องการรับตำแหน่งรองนายกฯ ในช่วงการปรับ ครม.นี้เพราะเขามีคนของเขาอยู่ แต่หากรัฐบาลเชิญผมไปทำงาน ผมก็พร้อมทันที ไม่ว่าตำแหน่งอะไร” พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
เก็บ “พจมาน” ไว้เป็นไพ่ใบสุดท้าย
เมื่อถามถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคพลังประชาชน มาทาบทามให้เล่นการเมือง พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า นายยงยุทธมาทาบทามให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าเวลานี้ต้องเอาเพราะต้องสู้ ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมา เพราะบ้านเมืองวิกฤติ ถ้าคิดว่าเข้าไปทำงานได้ก็จะรับตำแหน่ง ซึ่งคุยกันเรียบร้อยและตอบรับไปแล้ว แต่แปลกใจที่มี ส.ส.บางคนของพรรคบอกว่า ตนไม่สู้ ไม่เอา ซึ่งความจริงตกลงแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการหารือกับคนในตระกูลชินวัตร และยังไม่ได้คุยกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีข่าวว่าคุณหญิงพจมานจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะขนาดเบอร์โทรศัพท์ยังไม่มี ทุกวันนี้คุยกับเพียงนางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร มารดาคุณหญิงพจมาน ขณะนี้คิดว่าควรใช้ตนในการทำงานไปก่อน ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมานควรจะเก็บไว้เป็นไพ่ใบสุดท้าย
ไม่ถาม “ทักษิณ” เรื่องเล่นการเมือง
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณคิดอย่างไรที่ท่านจะลงเล่นการเมือง พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า เขาเป็นนักการเมืองมืออาชีพ เขามองออก เราคงต้องถามเขา แต่เขาไม่ได้ ประกาศออกมาชัดเจน มีแต่ลูกพรรคที่ออกมาปฏิเสธแทนว่าจะไม่เล่นการเมือง จึงอยากประกาศว่าจะเล่นการเมือง ทั้งนี้ หากจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย ยินดีเพราะเป็นพรรคใหญ่และมีโอกาสได้ทำงาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณในการลงเล่นการเมือง แต่ลึกๆท่านคงไม่อยากให้เล่นการเมือง เพราะเล่นแล้วเหนื่อย โดยเฉพาะในช่วงนี้ แต่มองว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย หากไปเล่นแล้วนั่งสบายๆคงไม่เอา ส่วนที่มีการคาดว่าจะได้เป็นนายกฯนั้น คิดว่ายังมีพรรษาไม่ถึง คงต้องเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าคนจะมองว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า นามสกุลมันฟ้อง ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ต้องดูพฤติกรรมว่าเป็นแล้วทำอะไรบ้าง แต่ลึกๆแล้วตัดสินใจลงเล่นการเมือง เพราะคนในตระกูลชินวัตรถูกกระทำ และคิดว่าการทำงานการเมืองน่าจะมีประโยชน์ต่อชาติ
ชี้ประชาชนส่วนใหญ่โดนมอมเมา
เมื่อถามว่า มองการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะแฉศัตรูทางการเมืองอย่างไร พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะโดนขนาดนั้นถ้าไม่ต่อสู้ หรือไม่ชี้แจง เขาในฐานะคนไทยจึงต้องสู้ อย่าลืมว่าประชาชนส่วนใหญ่โดนมอมเมาเยอะ เมื่อถามว่า ฝากอะไรถึง ผบ.ทบ.เกี่ยวกับการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง พล.อ. ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้ติดต่อหัวหน้าสำนักงานไปแล้ว แต่ยังเฉยอยู่ ความจริงเรามีหน้าที่ให้คำปรึกษา แต่เขาไม่ปรึกษา จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งไม่ได้น้อยใจอะไรที่ท่านไม่คุย แต่รายละเอียดที่ไปคุยต้องไปคุยส่วนตัว ในฐานะที่ตนเป็นอดีต ผบ.ทบ.จะเป็นที่ปรึกษาโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเขาไม่ปรึกษา เรามีสิ่งไหนดี ต้องเก็บไว้ก่อน ซึ่งตนอยากคุยกับท่านเพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง เพราะหากปล่อยไปคงดูไม่จืด
ผบ.ทบ.คงอึดอัดกับสถานการณ์
“พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. คงอึดอัดต่อสถานการณ์การเมือง เพราะถ้าไม่อึดอัดคงทำอะไรไปแล้ว แต่โอกาสที่ พล.อ.อนุพงษ์จะใช้วิธีการปฏิวัติเชื่อว่าไม่มี เพราะล้าสมัยไปแล้ว และทำให้ประเทศชาติล่มจมหนัก รวมถึงไม่ใช่วิถีทางที่ควรทำ ทั้งนี้ ความจริงเราต้องมาช่วยกันคิด ใช้สมองเพื่อให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี ไม่มีการนองเลือด ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักใจกับผู้ที่รับผิดชอบบ้านเมืองในขณะนี้ เพราะอยู่ในภาวะหวานอมขมกลืน จึงต้องอดทน ส่วนทางออกต้องปรึกษากัน พูดมากไม่ได้ ทั้งนี้ ทุกคนหนักใจ เพราะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ต้องมานั่งจับเข่าคุยกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด” พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ห่วงประชาชนที่ชุมนุมในทำเนียบฯหรือไม่ เพราะเกิดเหตุระเบิดรายวัน พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า เป็นห่วงชีวิตประชาชนทุกคน ไม่อยากให้มีการสูญเสีย ทางใดที่จะไม่มีการสูญเสียควรจะทำ เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับไทยวันที่ 25 ธ.ค. และคุณหญิงพจมานจะกลับมาในวันที่ 25 พ.ย.นี้ พล.อ. ชัยสิทธิ์ตอบว่า คงตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่หากกลับมาได้ เราในฐานะญาติก็ดีใจ และเป็นห่วงอยากให้เขาอยู่อย่างสบาย
“เจ๊แดง” โผล่กลางที่ประชุมเพื่อไทย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ถนนพระราม 4 ได้มีการประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เพื่อพิจารณากำหนดการปรับโครงสร้างพรรค หลังจากนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยช่วงก่อนการประชุมนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ได้เดินทางมาที่พรรคด้วย ภายหลังการประชุม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอยืนยันว่าการลาออกของนายสุชาติไม่มีใครบีบให้ลาออก หรือไม่ได้ออกเพื่อเปิดทางให้กับตระกูล ชินวัตรตามที่เป็นข่าว แต่เปิดทางให้คนที่มีความเหมาะสม ทั้งนี้ภายใน 60 วัน พรรคจะมีการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ พรรคจะหารือกันอีกครั้งเพื่อสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง โดยเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน
“ชัยสิทธิ์” มีคุณสมบัตินั่งหัวหน้า พท.
เมื่อถามว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ระบุว่าถูกทาบทามให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพตอบว่า ยังไม่ได้มีการทาบทามใครมาเป็นหัวหน้าพรรค ขอขอบคุณคนที่เสนอตัวเข้ามา เวลานี้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเสนอ ใครก็เป็นได้ทั้งนั้นขอเพียงคุณสมบัติเหมาะสม เราไม่เปิดโอกาสให้ใครเป็นพิเศษ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นแคนดิเดตว่าที่นายกฯ หากพรรคพลังประชาชนถูกยุบว่า เป็นเพียงข่าวที่เป็นความจริงยาก บอกได้คำเดียวว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยังไม่อยากแสดงความเห็นอะไรมาก เพราะกว่าจะถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรอีกเยอะ
“พจมาน” ยื่นอุทธรณ์คดีเลี่ยงภาษี
นายวีรภัทร ศรีไชยา ทนายความของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยในคดีเลี่ยงภาษีบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 546 ล้านบาท ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คดีว่า ทนายความของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณหญิงพจมาน อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 1-3 ได้ยื่นคำอุทธรณ์ซึ่งต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกว่า 10 ประเด็น รายละเอียด 130 หน้า ส่งต่อศาลชั้นต้นแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ไว้ เพื่อเสนอศาลอุทธรณ์ แล้ว เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ขณะเดียวกันทางอัยการโจทก์ ได้แก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลแล้ว และให้ฝ่ายทนายจำเลยไปรับคำแก้อุทธรณ์ จากนี้ศาลชั้นต้นจะรวบรวมสำนวน คำอุทธรณ์ของจำเลย และคำแก้อุทธรณ์อัยการ เสนอศาลอุทธรณ์ เพื่อพิจารณาและมีคำพิพากษาต่อไป
“พจมาน” มีสิทธิ์เป็นหัวหน้าเพื่อไทย
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งการลาออกของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มายัง กกต.อย่างเป็นทางการ หากมีการแจ้งมาจะพิจารณาเสนอนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อตอบหรือไม่ ก่อนจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะต้องแจ้งการลาออกของหัวหน้าพรรคมายัง กกต.ภายใน 30 วัน และจากนั้นจะต้องมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคอีกภายใน 30 วัน รวมทั้งหมดไม่เกินภายใน 60 วัน ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะให้คุณหญิง พจมาน ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นหัวหน้าพรรค สามารถทำได้หรือไม่ นางสดศรีตอบว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ได้กำหนดให้บุคคลที่มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่ต้องโทษคดีทางอาญาจนถึงที่สุด สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ ในกรณีของคุณหญิงพจมาน คดีความยังไม่ถึงที่สุด ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นปัญหา
การถูกออกหมายจับไม่มีผลกระทบ
เมื่อถามย้ำว่า คุณหญิงพจมานสามารถมาดำรงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ใช่หรือไม่ นางสดศรีตอบว่า หากคุณสมบัติครบถ้วนตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ก็มีสิทธิที่จะเป็นหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อถามว่า กรณีคุณหญิงพจมานถูกออกหมายจับ จะมีผลต่อการห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นางสดศรีตอบว่า การออกหมายจับและกลับมาสู้คดีก็ไม่ได้มีอะไร อาจจะมีการขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ยันพิจารณายุบพรรครอบคอบแล้ว
นางสดศรียังกล่าวถึงกรณี 3 พรรคการเมือง ซึ่งจะถูกพิจารณายุบพรรค อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในชั้น กกต.ว่า เป็นธรรมดาของทางพรรคเหล่านั้นที่จะ ยกข้อต่อสู้ใดๆมาชี้แจงในชั้นศาล ทั้งนี้ ยืนยันว่าการที่ กกต.มีคำสั่งให้ยุบพรรคทั้ง 3 พรรคการเมืองนั้น กกต.ได้ ตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆอย่างรอบคอบ และก่อนหน้านี้ก็ได้มีคณะทำงานร่วม ระหว่าง กกต.และอัยการสูงสุดขึ้นมาพิจารณา ดังนั้น พยานหลักฐานต่างๆจึงถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
ส่วนการตรวจสอบการถ่ายโอนสมาชิกพรรคพลังประชาชน ไปอยู่พรรคเพื่อไทยเพื่อหนีการยุบพรรคนั้น นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า การที่สมาชิกจะย้ายพรรคไม่ สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ถ้าสมาชิกพรรคลาออกและไปสมัครสมาชิกพรรคใหม่สามารถทำได้ ถ้าพรรคนั้นเป็นพรรคที่นายทะเบียนพรรคการเมืองรับรอง แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ไม่พบความเคลื่อน ไหวการลาออกเพื่อหนีการยุบพรรคแต่อย่างใด

“กรณ์” ตัดใจขอถอนตัว ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (22 พ.ย.) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้ประชุมคณะกรรมการการบริหารพรรค เพื่อคัดเลือกผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แทน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ลาออกไป โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นประธานที่ประชุม และมีกรรมการบริหารพรรคร่วมประชุมพร้อมเพรียง

สำหรับการประชุมวันนี้ จะคัดเลือกบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการที่มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเป็นประธานคณะกรรมการจำนวน 4 คน ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ส.ส.สัดส่วน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย และรองนายกฯเงา และนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

ล่าสุดนายกรณ์ 1 ใน 4 ตัวเลือก ได้ประกาศขอถอนตัว ต่อคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะเห็นว่า จะเป็นภาระหากตนลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พร้อมขอขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุน แม้กระทั่งบอกว่า จะลงขันจ่ายค่าเลือกตั้งซ่อมให้ ซึ่งตนได้บอกผู้สนับสนุนไปว่า ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น และไม่มีช่องทางทางกฎหมายที่บุคคลภายนอกจะจ่ายเงินอุดหนุน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมได้

เที่ยวไทย มุมไทย ตอนที่ 3


สวัสดีครับ คราวนี้ เราจะมาพบธนาคารทหารไทย ซึ่งมีประวัติดังนี้


ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2540 สาเหตุหลักส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความอ่อนแอของระบบสถาบันการเงินไทย การบริหารจัดการที่ขาดความโปร่งใส ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รัฐบาลกำหนดแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบสถาบันการเงินของไทย โดยมุ่งเน้นให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินมีการควบรวมกิจการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยในวันที่ 20 มกราคม 2547 กระทรวงการคลังได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติหลักการ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 เพื่อเปิดโอกาสให้บรรษัทฯ สามารถดำเนินการควบรวมกิจการกับสถาบันการเงินอื่น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้บรรษัทฯ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จากนั้นธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ จำกัด (มหาชน) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลงเพื่อรวมกิจการทั้ง 3 สถาบัน และประกาศต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2547 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผสานศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของทั้ง 3 สถาบัน ผลักดันให้ธนาคารแห่งใหม่ภายหลังการรวมกิจการสามารถพัฒนาบริการ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ระบบสื่อสารและเทคโนโลยี รวมทั้งบรรษัทภิบาลในระดับมาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดต่อผู้ถือหุ้น ตลอดจนพนักงาน เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์และความพอใจสูงสุด และได้รับอนุมัติแผนการรวมกิจการจากธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 คณะกรรมการทั้ง 3 สถาบันพิจารณาและมีความเห็นร่วมกันว่า สถาบันทั้ง 3 แห่งมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน สามารถนำมาเสริมจุดอ่อนของแต่ละสถาบันได้อย่างเหมาะสม การรวมและโอนกิจการทั้ง 3 สถาบัน จะทำให้ธนาคารหลังการควบรวมเป็นธนาคารที่มีความสมบูรณ์พร้อม มีขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น ให้บริการได้หลากหลายและครอบคลุมบริการได้ทุกประเภท เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารมีปริมาณธุรกิจที่เพิ่มขึ้น สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการประหยัดต่อขนาด และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผลการดำเนินงานดีขึ้นและฐานะทางการเงินมั่นคงแข็งแกร่งมากขึ้น บรรลุวัตถุประสงค์ของแต่ละสถาบันและบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน


โลโก้ธนาคาร มีดังนี้ ( ตามโล้โก้ข้างบน )

Team ( 1 )
Mutual ( 2 )
Benefit ( 3 )
ทำงานร่วมกัน ( 1 )
ร่วมมือ ( 2 )
ผลประโยชน์อันสูงสุด ( 3 )
1.ตัวอักษร T สีแดง หมายถึง การทำงานร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์ และมีพลัง ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน ในทุกๆฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร อันประกอบไปด้วย ผู้ถือหุ้น, คณะกรรมการ พนักงาน และลูกค้า
2.ตัวอักษร M สีน้ำเงินที่ ประกอบด้วย จุดสีน้ำเงิน 2 จุด หมายถึง การจับมือ ร่วมมืออันแข็งแกร่งที่ธนาคาร และลูกค้าจะทำให้ธุรกิจ เดินก้าวไปข้างหน้า อย่างมั่นคง เคียงบ่าเคียงไหล่ เติบโต สู่ความสำเร็จ
3.ตัวอักษร B สีแดงหมายถึง ความตั้งใจที่ธนาคาร สร้างผล ประโยชน์สูงสุด ให้แก่ ลูกค้า ทุกราย



แนวคิดหลัก


เพื่อสะท้อนถึง การผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน อันเกิดจากการรวมกิจการของธนาคารสัญลักษณ์ใหม่ปีนี้นับเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทย ที่นำเอาตัวอักษรภาษาอังกฤษมาใช้ในการออกแบบ เพื่อให้สะดุดตา จดจำง่ายและมีความเป็นสากลซึ่งจะสะท้อนถึงความเป็น "UNIVERSAL BANK" ในระดับสากล
ความหมายรวม
TMB เป็นสถาบันการเงินที่มีพลังในการทำงานร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร ผู้ถือหุ้น และลูกค้าทุกรายเพื่อสร้างผลประโยชน์อันสูงสุดให้แก่ธุรกิจ และเดินก้าวไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จด้วยกันอย่างมั่นคง

วันพุธ, พฤศจิกายน 19, 2551

โลกของเรา

โลก เป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มิได้ถูกตั้งชื่อตามเทพนิยายกรีกและโรมัน คำว่า "Earth" มาจากภาษาอังกฤษและเยอรมันโบราณ และยังมีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหลายร้อยชื่อใน ภาษาต่าง ๆ ในเทพนิยายโรมัน เทพเจ้าแห่งโลกเป็นเพศหญิงชื่อ เทลลุส - แปลว่าดินซึ่งอุดมสมบูรณ์ (กรีก: กาเอีย ) มนุษย์เราเองก็เพิ่งจะรู้ว่าดาวเคราะห์เป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในสมัยของ โคเปอร์นิคัส (คริสต์ศตวรรษที่ 16) โลกเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 3 จากดวงอาทิตย์ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 และเป็นเทห์วัตถุหลัก ที่หนาแน่นที่สุด ในระบบสุริยะ มีบริวารเพียงดวงเดียวคือ ดวงจันทร์วงโคจร : 149,600,000 ก.ม.(1.00 หน่วยดาราศาสตร์)จากดวงอาทตย์เส้นผ่านศูนย์กลาง : 12,756.3 ก.ม.มวล : 5.9736 x 1024 ก.ก.แรงดึงดูดโต้ตอบ (interaction) ระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ทำให้โลกหมุนช้าลงประมาณ 2/1000 วินาทีต่อศตวรรษ จากการวิจัยพบว่า เมื่อ 900 ล้านปีมาแล้ว หนึ่งปีมี 481 วัน และหนึ่งวันมี 18 ชั่วโมง โลกอยู่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วประมาณ 110,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 365.256 วันใจกลางโลกโลกมีลักษณะคล้ายดาวพุธ ดาวศุกร์ และดาวอังคาร จากการศึกษาภายในของโลก โดยแบ่งออกเป็นชั้นตามความลึก ตามองค์ประกอบทางเคมี และการเคลื่อนตัว (หน่วยเป็นก.ม.) ดังนี้- 0- 40 เปลือกโลก- 40- 400 แมนเทิลชั้นบน- 400- 650 ย่านการส่งถ่าย- 650-2700 แมนเทิลชั้นล่าง- 2700-2890 ชั้น D'' layer- 2890-5150 แกนนอก- 5150-6378 แกนในเปลือกโลกมีความหนาไม่เท่ากัน ใต้ท้องมหาสมุทรจะบาง และหนาตรงบริเวณที่เป็นแผ่นดิน หนาที่สุดหรือลึกที่สุด 50 กิโลเมตร แมนเทิลและแกนนอก คือชั้นใต้เปลือกโลก ชั้นนี้มีเนื้อสาร 67% เป็นวัตถุหลอมละลาย ในสถานะกึ่งของไหล แกนกลางชั้นนอก ชั้นนี้เป็นของเหลวและเคลื่อนไหวตลอดเวลาเปลือกโลกจะประกอบด้วยเพลต(Plate) หรือแผ่นดินที่แยกจากกัน เพลต เหล่านี้เคลื่อนที่ตลอดเวลา บางครั้งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวตรงจุดที่เพลตชนกันเปลือกโลกไม่เหมือนกับดาวเคราะห์พื้นพิภพดวงอื่น เปลือกโลกเป็นแผ่นของแข็งหลายชิ้นซึ่งลอยอยู่อย่างอิสระ บนแมนเทิลเหลวร้อนซึ่งอยู่ข้างล่าง การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก มีสองลักษณะคือ การขยายและยุบตัว การขยายเกิดขึ้นเมื่อแผ่นทวีปสองแผ่นเคลื่อนที่ออกจากกัน เกิดแผ่นทวีปใหม่แทรกกลางขึ้นมาจากแม๊กม่าข้างล่าง การยุบตัวเกิดขึ้น เมื่อแผ่นทวีปแผ่นหนึ่งกดขอบของแผ่นทวีปอีกแผ่นหนึ่ง ให้จมลงและถูกทำลายโดยแม๊กม่าซึ่งอยู่ข้างล่าง เปลือกโลกแบ่งเป็น 8 แผ่นทวีป คือ แผ่นอเมริกาเหนือ, แผ่นอเมริกาใต้, แผ่นแอนตาร์คติก, แผ่นยูเรเชีย, แผ่นอัฟริกา, แผ่นอินเดีย, แผ่นนาสคา, แผ่นแปซิฟิกบรรยากาศบรรยากาศทีห่อหุ้มโลกเป็นส่วนผสมของก๊าซชนิดต่างๆ มีอยู่หลายชั้น ก๊าซออกซิเจนซึ่งสิ่งมีชีวิตใช้ในการหายใจมีประมาณ 20% ของบรรยากาศโลกบรรยากาศของโลกเราประกอบด้วยในโตรเจน 77%, ออกซิเจน 21% และก๊าซเฉื่อย เช่น อาร์กอน, คาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้ำ ในยุคที่โลกกำเนิดขึ้นใหม่ ๆ อาจจะมีคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก แต่มันถูกดูดกลืนไปกับหินปูน ( carbonate rocks) บางส่วนก็ละลายไปกับน้ำในมหาสมุทร และถูกบริโภคโดยพืช ปรากฏการณ์การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและกระบวนการทางชีววิทยา ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปัจจุบันมีคาร์บอนไดออกไซด์คงเหลือในบรรยากาศจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ยังความสำคัญมาก เพราะมันเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของพื้นโลก โดยอาศัย สภาวะเรือนกระจก เพิ่มอุณหภูมิพื้นผิวให้สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส; ถ้าไม่มีสภาวะเรือนกระจกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว น้ำในมหาสมุทรจะแข็งตัว จนชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้ 71 เปอร์เซนต์ของพื้นโลกถูกปกคลุมด้วยน้ำ โลกเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีน้ำในสถานะของเหลว อยู่บนพื้นผิว (แม้ว่าอาจมีอีเทนหรือมีเทนเหลวบนพื้นผิวของ ไททัน หรือน้ำในสถานะของเหลวใต้พื้นผิวของ ยูโรปา) น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต น้ำในมหาสมุทรมีความสามารถในการเก็บความร้อน ช่วยรักษาอุณหภูมิของโลกให้คงที่ น้ำระเหยตัวขึ้นกลายเป็นเมฆ และกลั่นตัวกลับเป็นฝนตกลงมาสู่พื้นทวีป กระบวนการเช่นนี้มีแต่บนโลกของเราเท่านั้น ไม่มีบนดาวเคราะห์ดวงอื่น (แม้ว่ามันอาจเคยเกิดขึ้นบนดาวอังคารในอดีต) สนามแม่เหล็กของโลกไม่มีความรุนแรง มันกำเนิดจากกระแสไฟในแกนโลก เมื่อสนามแม่เหล็กของโลกปะทะกับ ลมสุริยะ บริเวณบรรยากาศชั้นบน ทำให้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้ หรือ ออโรร่า(ดังรายละเอียดใน Interplanetary Medium) ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นโดยมีปัจจัยที่ ขั้วแม่เหล็กโลก เคลื่อนที่สัมพัทธ์กับพื้นผิว ขั่วเหนือแม่เหล็กในปัจจุบันอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนนาดา ปัจจุบันพลเมืองโลกกำลังเพิ่มขึ้น เราจำเป็นต้องใช้พื้นดินมากขึ้น ยานยนต์ทั้งหลาย และอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทำให้เกิดมลภาวะความเสียหายเหล่านี้เกิดทั้งในดินมหาสมุทรและบรรยากาศ นอกจากนี้ยังต้องหาอาหารจากโลก ต้องใช้น้ำ ไฟฟ้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องดูแลโลกของเราให้ดี โดยการลดสิ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะลดขยะ ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและนำของที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำ เป็นต้น

ทรงเสด็จขบวนยาตรา บรรจุ'พระสรีรางคาร'

วันนี้ (19 พ.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง จากนั้น เวลา 16.30 น. เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยพระราชยานจากพระศรีรัตนเจดีย์ ไปออกประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เชิญขึ้นประดิษฐานในรถยนต์พระที่นั่ง
ยาตราขบวนเชิญพระสรีรางคารออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี มีขบวนกองเกียรติยศทหารม้ารักษาพระองค์แห่นำ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนรถยนต์พระที่นั่ง ต่อตามรถยนต์พระที่นั่งเชิญพระสรีรางคาร แล้วทหารม้ารักษาพระองค์ กองเกียรติยศขบวนหลังตามขบวนเชิญพระสรีรางคารไปตามถนนหน้าพระลาน เลี้ยวขวาถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายถนนราชบพิธ ขบวนหน้าทหารม้ารักษาพระองค์แห่นำ รถยนต์พระที่นั่งพระสรีรางคาร เทียบที่ประตูทางเสด็จ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารเข้าซุ้มประตูวัด รถยนต์พระที่นั่งที่เชิญพระสรีรางคารเคลื่อนเลยไป รถยนต์พระที่นั่งเข้าเทียบที่หน้าประตูวัด สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตามพระสรีรางคาร ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ทองในพระอุโบสถข้างพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรสประธานพระอุโบสถและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 พระราชสรีรางคารสมเด็จ พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 และพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์แล้ว
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์วัดราชบพิธ 30 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ไปยังอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตาม

วันเสาร์, พฤศจิกายน 15, 2551

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตอนสุดท้าย

สิ้นพระชนม์พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯพระราชทาน เศวตฉัตร ๗ ชั้น กางกั้นพระโกศ


พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า
โดยที่ ทรงพระอนุสรณ์ถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ ว่าเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ที่ทรงเคารพนับถือในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณ มาแต่หนหลัง อีกทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย เป็นที่ประจักษ์แก่ตา แก่ใจ ของมหาชนทั่วไป เมื่อเสด็จสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้พระองค์และประชาชนทุกชนชั้นอาลัย ระลึกถึงพระคุณเป็นอันมาก
ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระองค์นั้น ทรงพระเกียรติคุณเป็นที่เชิดชูแห่งพระราชวงศ์ ควรได้รับพระเกียรติยศใหญ่ยิ่ง โดยอนุโลมตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานจัดเศวตฉัตร ๗ ชั้น กางกั้นพระโกศพระราชทาน เป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติยศให้ปรากฏสืบไป
ประกาศ ณ วันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน

นับว่าเป็นการถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อย่างสูงยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลต่างๆ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ได้ทรงสถาปนาพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายในให้ทรงรับการเฉลิมพระนามาภิไธย ทรงพระราชอิสริยศักดิ์อันควรแก่การได้รับสัปตปฎลเศวตฉัตร ตามโบราณขัตติยราชประเพณี ดังปรากฏมีรายพระนามดังต่อไปนี้

สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์) พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๑
สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี (กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ทรงมีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าบุญรอด)
สมเด็จพระศรีสุราลัย พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ ๓ (กรมสมเด็จพระศรีสุลาไลย/เจ้าจอมมารดาเรียม)
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี (กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์/สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์)
พระบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง(สมเด็จพระนางเจ้าเสวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ)
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี)
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

ทั้งนี้ แม้ว่าสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะทรงดำรงพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์แห่งความเป็นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ชั้น “เจ้าฟ้า” เช่นเดิม แต่ทรงได้รับพระราชทานพระเศวตฉัตรและฉัตรเครื่องสูงประกอบพระอิสริยยศเสมอด้วยสมเด็จพระอัครมเหสี สมเด็จพระบรมชนกนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช และสมเด็จพระบรมราชกุมารีอันไม่เคยมีปรากฏมาก่อน แต่ในรัชกาลใดว่า สมเด็จพระเชษฐภิคินีแห่งองค์บรมกษัตริย์ จะได้รับการเฉลิมพระเกียรติเพิ่มเติมเป็นพิเศษโดยอนุโลมตามโบราณขัตติยราชประเพณีอย่างใหญ่ยิ่งเช่นนี้ นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงพระราช กตัญญุตาธรรมและน้ำพระราชหฤทัยอย่างสูง ที่พระองค์ทรงมีต่อสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีอันสนิท แต่เพียงพระองค์เดียว ซึ่งเหตุการณ์อันเป็นมหามงคลสมัยในครั้งนี้ ทำให้ย้อนรำลึกถึงพระราชกตัญญุตาธรรม แห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ผู้ทรงเป็นองค์บรมธัมมิกมหาราช ที่ทรงมีต่อพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลม่อม ผู้ทรงเป็นพระอัยยิกา ที่ได้ทรงมีพระกรุณาธิคุณชุบเลี้ยงพระองค์มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ครั้นถึงรัชสมัยที่พระองค์เสด็จผ่านพิภพขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๕ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และในปีพุทธศักราช ๒๔๑๖พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลม่อม กรมพระสุดารัตนราชประยูร ก็ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น “พระบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดา รัตนราชประยูร” เสมอด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี ครั้นถึงคราวที่กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรสิ้นพระชนม์ได้มีประกาศกระแสพระบรมราชโองการให้ใช้คำว่า “สวรรคต” เป็นที่บาดหมายใช้ในราชการทั้งปวง พร้อมกันนี้ ได้พระราชทานพระโกศทองใหญ่ประดับพุ่ม เฟื่อง ดอกไม้ไหว และดอกไม้เอว พร้อมทั้งสัปตปฎลเศวตฉัตรเต็มตามพระราชอิสริยยศอย่างสมเด็จพระบรมราชชนนีทุกประการ นับได้ว่าองค์พระภัทรมหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ได้ทรงดำเนินรอยในแบบอย่างอันดีงามตามที่สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชของพระองค์ ได้ทรงแสดงให้ปรากฏเห็น เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่เหล่าอเนกนิกรสยามชนมาแต่ครั้งบรรพกาล สมดังที่องค์สมเด็จพระทศพลวิมลอนาวรณญาณได้มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า “นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา” แปลความว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี (นัย ส.ส. ๒o/๒๗๗)

พระสัปตปฎลเศวตฉัตรหรือพระเศวตฉัตร ๗ ชั้น (ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงใช้ว่า “สัตปฎลเศวตฉัตร”) หมายถึง ฉัตรขาว ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีระบายขลิบทองแผ่ลวดซ้อน ๓ ชั้น ระบายของฉัตรชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง มีลักษณะเดียวกันกับ “พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร”เป็นฉัตรที่ใช้สำหรับประกอบพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ทรงรับพระบรมราชาภิเษกตลอดจนพระมหากษัตริย์ที่ทรงผ่านการพระราชพิธีบวรราชาภิเษก ซึ่งทรงดำรงพระราชอิสริยศักดิ์เป็นกษัตริย์วังหน้า อาทิ พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศวร์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระอัครมเหสี (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชเทวี) สมเด็จพระบรมชนกนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) และสมเด็จพระบรมราชกุมารี นอกจากนี้ เมื่อครั้งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้มีตำแหน่งมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ก็ใช้เป็นฉัตรประกอบพระราชอิสริยยศ สำหรับสมเด็จพระมหาอุปราชาด้วย จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พระบวรเศวตฉัตร”

เครื่องพระอภิรุมชุมสายหักทองขวางหรือฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง หมายถึงฉัตรเครื่องสูงที่ใช้สำหรับกระบวนแห่หรือสวมฐานตั้งถวายเป็นเกียรติยศประจำสถานที่หรือในวาระโอกาสพิเศษ ทำด้วยผ้ากำมะหยี่ปักดิ้นทองตามขวางของลายตั้งแต่เพดานตลอดถึงระบาย แต่ละชั้นของฉัตรมีระบาย ๒ ชั้นซ้อน การปักดิ้นขวางชายนี้ถือเป็นของสูง เดิมทีเดียวใช้สำหรับพระมหากษัตริย์แต่เพียงเท่านั้น ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้สำหรับสมเด็จพระอัครมเหสี (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชเทวี) สมเด็จพระบรมชนกนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช(สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงได้รับพระราชทานพระสัปตปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว ๗ ชั้น) อาทิ สมเด็จพระบรมราชกุมารี สำหรับการพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเครื่องพระอภิรุมชุมสายหักทองขวาง ประกอบพระอิสริยยศ รอบพระแท่นทองทรายอันประกอบด้วย

๑.
ฉัตรชุมสาย (ฉัตร ๓ ชั้น) ๔ คัน ประดิษฐาน ๔ มุมพระแท่นทองทราย
๒.
ฉัตร ๕ ชั้น ๖ คัน ในระหว่างฉัตร ๕ ชั้นตั้ง “บังแทรก” ทำด้วยผ้าปักหักทองขวาง ๘ องค์
๓.
ฉัตร ๗ ชั้น ๔ คัน (ประดิษฐานหลังพระแท่นทองทราย) ในระหว่างฉัตร ๗ ชั้น ตั้ง “บังสูรย์” ทำด้วยผ้าปักหักทองขวาง ๑ องค์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตอนที่ 4

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อมาวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ว่าสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระอาการผิดปกติเกี่ยวกับพระนาภี คณะแพทย์ได้ถวายตรวจพระวรกายและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบมะเร็ง และทรงมีพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง มีเนื้อสมองด้านซ้ายตายเป็นวงกว้างจากเส้นเลือดสมองอุดตัน นับจากนั้นมาพระอาการอยู่ในภาวะทรงและทรุดสลับกัน โดยสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์เป็นระยะๆ จนถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระอาการเหนื่อยและมีพระอาการกระตุกมากขึ้น ทรงรู้พระองค์น้อยลง กระทั่งวันมหาวิปโยคแห่งพสกนิกรชาวไทยก็มาถึง เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระอาการโดยรวมทรุดลง ไม่รู้สึกพระองค์ หายพระทัยอ่อนลง พระวักกะไม่ทำงานแม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ พระอาการยังทรุดลงตามลำดับและสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา ๒ นาฬิกา ๕๔ นาที ในวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑ สิริพระชนมายุ ๘๔ พรรษา ๗ เดือน ๒๗ วัน ทันทีที่ข่าวการสิ้นพระชนม์ ได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศและทั่วโลก ทั่วทุกระหนระแหงบนแผ่นดินแห่งพระราชอาณาจักรไทย ต่างระงมด้วยเสียงร่ำไห้ เสียงพรรณนา ถึงความอาลัยและเสียงแห่งความสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อมตลอดพระชนม์ชีพ
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงดำรงพระอิสริยศในที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ มาเป็นเวลา ๗๒ ปี และทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์เจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มาเป็นระยะเวลา ๑๒ ปี

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตอนที่ 3

นัยความหมายแห่งพระนามในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นั้น เนื้อความมี ๓ ตอนด้วยกัน คือ
๑.
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ หมายถึงทรงเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี พระองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (โสทรเป็นคำสนธิระหว่างส แปลว่าร่วม และ อุทรแปลว่าท้อง รวมความแปลว่าพี่สาวร่วมท้องของพระเจ้าแผ่นดิน)

๒.
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา คำว่า “เจ้าฟ้า” นั้นเป็นพระราชสกุลยศสูงสุดรองจาก พระเจ้าแผ่นดินลงมา ตามพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม เจ้าฟ้ามีได้ ๑๑ ประเภท แต่โดยส่วนของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็น “เจ้าฟ้าชั้นโท” มีคำขานพระนามลำลองว่า “สมเด็จ” เช่น สมเด็จหญิง เป็นต้น คำว่า “กัลยาณิวัฒนา” เป็นพระนามพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งสร้อยพระนาม “วัฒนา” ก็มาจาก “สว่างวัฒนา” อันเป็นพระนามาภิไธยเดิมของ ผู้ทรงเป็น “สมเด็จย่า” ของพระองค์นั่นเอง


๓.
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระราชประเพณีไทยในการสถาปนา พระอิสริยศักดิ์หรือฐานะของเจ้านายให้สูงขึ้นนั้น ปรากฏมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาสืบเนื่องมาจนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชบายไว้ในหนังสือเรื่อง “ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม” ว่า
“...ยศพระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นเจ้าฟ้าก็ดี พระองค์เจ้าก็ดี หม่อมเจ้าก็ดี เป็นตำแหน่งสำหรับเลื่อนขึ้นได้ แล้วแต่พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดเกล้าฯ...”
และมีข้อน่าสังเกตอยู่ว่า เมื่อครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า พระราชโอรส พระราชธิดาในพระองค์ ควรจะมีพระนามเป็นเกียรติแก่เมืองต่างๆในสยามรัฐสีมาอาณาจักร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยศักดิ์ขึ้นทรงกรมตามนามเมืองเป็นพระราชประเพณีสืบมา เฉพาะแต่พระราชโอรส พระราชธิดาที่พระราชสมภพแต่สมเด็จ พระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์ทรงกรมตามนามเมืองทางภาคใต้ เช่น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (ต่อมาทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยพระบรมอัฐิเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อพ.ศ.๒๕๑๓) เหตุดังกล่าวนี้ต่อมายังผลให้พระนามกรมของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระนามตามนามเมืองในภาคใต้ ตามสายราชสกุลที่สืบต่อมา แต่กาลก่อน

ในประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรไทย ยังไม่มีปรากฏว่ามีขัตติยราชนารีพระองค์ใดที่ทรงพระคุณเป็นอเนกปริยาย ทรงสถิตเป็นหลักชัยมั่นในที่ “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ” มากว่า ๗๒ ปี และแม้จะทรงเจริญพระชนมายุขึ้นสูง ก็มิได้เป็นเครื่องชักจูง ให้ทรงย่อท้อหรือหวั่นไหว หากแต่ทรงมีพระหฤทัยที่แน่วแน่และมุ่งมั่น ทำให้พระราชกิจน้อยใหญ่ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญบรรลุศุภผลยังประโยชน์และความผาสุกมั่นคง ให้เกิดแก่อาณาประชาราษฎร์และประเทศไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล พสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั่วทุกเขตคามและขอบขัณฑสีมาจึงมีความผาสุกร่มเย็นทั่วหน้ากัน

วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2551

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตอนที่ 2

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา” ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเป็น “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา” และในพ.ศ. ๒๔๗๘ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเฉลิมพระเกียรติเป็น “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา” ทั้ง ๓ พระองค์ “...ได้ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งเป็นผู้ที่ทรงเคารพนับถือในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณมาแต่หนหลัง...” ไม่เพียงแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ได้ทรงมีความเอื้ออาทรและเกื้อกูลเป็นอันมากต่อพระอนุชาทั้ง ๒ พระองค์ หากแม้ในขณะที่พระอนุชาทั้ง ๒ พระองค์ เสด็จดำรงเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นมิ่งขวัญร่มฉัตรแก่พสกนิกรชาวไทย
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ยังได้ทรงบำเพ็ญพระราชกิจน้อยใหญ่สนองเบื้องพระยุคลบาทไว้เป็นอเนกประการแก่บ้านเมือง พ.ศ. ๒๔๘๗ ทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เพื่อทรงเสกสมรส
ต่อมาพ.ศ. ๒๔๙๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาให้กลับทรงพระอิสริยายศฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ตามเดิมทุกประการ
ครั้นพ.ศ. ๒๕๓๘ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖ รอบ เสมอด้วยพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในตามธรรมเนียมราชประเพณีเป็นพระองค์แรกและพระองค์เดียวในรัชกาล ทรงพระนาม ตามพระสุพรรณบัฎว่า“สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์”

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตอนที่ 1

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ เวลา ๑๑.๐๗ น. หลังเที่ยง (ตามเวลาในประเทศอังกฤษ) ณ สถานพยาบาล เลขที่ ๔๘ Lexham gardens กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระนามในพระสูติบัตรเมื่อแรกประสูติ คือ เมย์ ตามเดือนที่ประสูติ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงมีพระอนุชา ๒ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราช

วันศุกร์, พฤศจิกายน 07, 2551

สธ.เตรียมเผาสินค้าปนเปื้อนเมลามีน 10 พ.ย.นี้

วันนี้ (8 พ.ย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 เวลาประมาณ 09.00 น.จะมีพิธีการเผาทำลายผลิตภัณฑ์อาหารปนเปื้อนสารเมลามีนเกินมาตรฐาน ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ซึ่ง อย.ได้ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนเมลามีนเกินมาตรฐานจากทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นมีผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนเมลามีนแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์นมจำนวน 13,085 กระป๋อง และผลิตภัณฑ์ขนม จำนวน 19,824 กล่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน-วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์ที่พบมีการปนเปื้อนสารเมลามีนเกินมาตรฐานทั้งสิ้น 9 รายการ ประกอบด้วย 1.วัตถุดิบนมซึ่งนำเข้าจากจีน จำนวนรวม 100 ตัน พบการปนเปื้อนฯ ในปริมาณ 1.10-1.32 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หรือพีพีเอ็ม ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้ 2.นมข้นแปลงไขมันไม่หวาน สูตรน้ำมันปาล์ม ตรามะลิ ชนิดกระป๋อง พบปริมาณสารเมลามีน 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่ อย.กำหนดในผลิตภัณฑ์นมต้องมีเมลามีนไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

3.ขนมปังสอดไส้ครีม ชีสแซนด์วิช จูลี่ส์ ยี่ห้อจูลี่ส์(Cheese Sandwich/Julie’s) พบสารเมลามีน 7.96 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือพีพีเอ็ม 4.ขนมปังแท่งเคลือบครีมรสสตรอเบอร์รี่ ชื่อ สตรอเบอร์รี่สติ๊ก ตราฮาจูกุ พบสารเมลามีน 5.07 มิลลิกรัม/กิโลกรัม 5.พีนัทแครกเกอร์ไส้ครีม ตราจูลี่ส์ พบสารเมลามีน 2.52 มิลลิกรัม/กิโลกรัม 6.ขนมปังกรอบรูปหมีโคอะล่า สอดไส้ครีมรสช็อกโกแลต ตราโคอะล่า พบสารเมลามีน 3.16 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

7.ช็อกโกแลตนม ออร์ฟิค orphic ปริมาณ 96 กรัม ในกล่องสีทอง พบสารเมลามีนสูงถึง 34.37 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ พีพีเอ็ม 8.ลูกอมครีม ตรากระต่ายขาว white rabbit creamy candy จากประเทศจีน ไม่ระบุวันผลิตและสถานที่ผลิต ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจพบเมลามีน 3.85 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมหรือพีพีเอ็ม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่ อย.กำหนดไว้เพียง 2.5 พีพีเอ็ม และ 9.ครีมแครกเกอร์ ตราโอโมโด น้ำหนัก 210 กรัม พบสารเมลามีน 6.08 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ค่ามาตรฐานที่ อย.กำหนด คือ 2.5 พีพีเอ็ม

หนทางสู่ประวัติศาสตร์

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่านาย บารัก โอบามา วุฒิสมาชิกผิวสีลูกครึ่งเคนยา-อเมริกัน ชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 และเป็นผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในดินแดนที่ปัญหาเรื่องเชื้อชาติฝังรากหยั่งลึกมานาน คน อเมริกันนิโกร หรือจะเรียก ผิวสี หรือ ผิวดำ ก็สุดแล้วแต่ เขามีหนทางต่อสู้ยากลำบากอย่างไรกว่าจะได้มาซึ่งสิทธิ์เท่าเทียม ทีมข่าวต่างประเทศขอนำมาเล่าสรุปพอสังเขปให้ได้ ทราบกัน เทียบเคียงเป็นปี พ.ศ. ดังต่อไปนี้
2162-ทาสแอฟริกันชนผู้ด้อยโอกาสกลุ่มแรกถูกนำมาที่เวอร์จิเนีย อาณานิคมของอังกฤษ เพื่อเป็นตัวจักรขับเคลื่อนการพัฒนาชาติที่จะเป็น “สหรัฐอเมริกา” ที่ยิ่งใหญ่คับโลก
2319-กลุ่มนักรบรักชาติประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) หลังขัดผลประ-โยชน์เรื่องภาษี แต่ไม่ใช่เรื่องทาส เริ่มยุคนาย จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศเกิดใหม่ แต่ระบบทาสยังอยู่คง ต้นศตวรรษที่ 19-ระบบทาสและการค้าทาสค่อยถูกยกเลิกในรัฐส่วนใหญ่แถบยุโรป
2407-08-ระบบทาสแพร่หลายในกลุ่มสหพันธรัฐ 11 แห่งทางใต้ แต่ถูกต่อต้านในทางเหนือ จนก่อเกิดสงครามกลางเมือง สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ
2408-สหรัฐฯแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 13 ยกเลิกระบบทาส กลุ่ม “คู คลักซ์ แคลน” สมาคมลับพวกผิวขาวที่มุ่งใช้ความรุนแรง ถูกก่อตั้งไล่ทำร้ายคนผิวสี
2439-ศาลสูงตัดสินยอมรับการแบ่งแยกเชื้อชาติที่มีอย่างแพร่หลายในกลุ่มรัฐทางภาคใต้ คำตัดสินข้างต้นเปิดทางสู่กฎหมายแห่งการเลือกปฏิบัติที่เรียกว่า “จิม โครว์”
2452-มีการก่อตั้งสมาคมแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี (NAACP) ให้การช่วยเหลือคนผิวสีให้ได้รับสิทธิ์ต่างๆ
2484-88-อเมริกันนิโกรร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพสหรัฐฯในสมรภูมิสงคราม โลกครั้งที่ 2 แต่แยกรบเป็นคนละกองกับทหารผิวขาว
2492-ประธานาธิบดีลงนามกฎหมายยกเลิกแบ่งแยกเชื้อชาติในกองทัพ
2497-ศาลสูงตัดสินให้การแบ่งแยกเชื้อชาติในโรงเรียนผิดกฎหมาย
2498-นาง โรซา พาร์ก นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเรือนคนผิวสี สร้างความฮือฮาด้วยการไม่ยอมลุกสละที่นั่งบนรถโดยสารให้คนผิวขาว ในรัฐอลาบามา ต่อด้วยการปรากฏขึ้นของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักเรียกร้องสิทธิพลเรือนระดับตำนาน
2500-สภาคองเกรสอนุมัติบังคับใช้ พ.ร.บ.เกี่ยวกับสิทธิพลเรือน การันตี “สิทธิเลือกตั้ง” ให้อเมริกันชนคนผิวสี แต่ในกลุ่มรัฐทางใต้ยังไม่ปฏิบัติตาม คนผิวสียังไร้สิทธิ์ไร้เสียง
2503-มีการแก้ไข พ.ร.บ.สิทธิพลเรือน กำหนดบทลงโทษผู้ขัดขวางความพยายามของใครก็ตามในการลงทะเบียนหรือใช้สิทธิเลือกตั้ง
2506-สถานการณ์ด้านสิทธิพลเรือนเป็นไปอย่างดุเดือด เกิดเหตุรุนแรงในหลายส่วนของประเทศ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ปราศรัยต่อฝูงชนเรือนแสนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วยวลีเด็ด “ผมมีความฝัน” ว่าสักวันหนึ่งลูกๆ 4 คนจะอยู่ในประเทศแห่งนี้ที่ซึ่งจะไม่มีการตัดสินคนตรงสีผิว (อีกต่อไป)
2509-นักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงก่อตั้งกลุ่มแบล็ก แพนเธอร์ ปาร์ตี้ ป้องกันและแก้ไขสิทธิ์คนผิวสี
2511-มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ถูกลอบสังหาร เกิดจลาจลหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ
2532-พล.อ. โคลิน พาวเวล อเมริกันผิวสีคนแรกผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯและ รมว.ต่างประเทศ
2535-เกิดจลาจลด้านเชื้อชาติ หลังคนขับรถผิวสีถูกตำรวจทุบตี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 ศพ ในเหตุวุ่นวายที่นครลอสแอนเจลิส
2548-ดร. คอนโดลีซซา ไรซ์ เป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ได้เป็น รมว.ต่างประเทศเป็นคนที่ 2 ต่อจากนายพลพาวเวล จวบจนปีนี้ พ.ศ.2551 นาย บารัก โอบามา เป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนพรรคใหญ่ (เดโมแครต) ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจนสมหวังดั่งตั้งใจ ทลายกำแพงกั้นด้านเชื้อชาติลงราบคาบ.

วันเสาร์, พฤศจิกายน 01, 2551

ราชินี พระราชทานทรัพย์ช่วยค่าใช้จ่ายศพ “น้องโอ”

นางนันทพร อินทาโชติ มารดา นายนิโรจน์ศักดิ์ อินทาโชติ หรือ น้องโอ วัย 16 ปี นักศึกษา ปวช. ชั้นปีที่ 1 แผนกช่างไฟฟ้าโรงเรียนโพลีเทคนิคพณิชย์กรุงเทพ เหยื่อรับน้องโหด ซึ่งได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ผู้ว่าฯ เพชรบุรีได้ประสานมายังตนว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระเมตตา พระราชทานความช่วยเหลือ ช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเคลื่อนย้ายศพ น้องโอ จาก ร.พ.พระจอมเกล้า จ.เพรชบุรี ไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่ วัดท่าบันเทิงธรรม จ.นนทบุรี ซึ่งตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่ น้องโอ เสียชีวิต พระองค์ท่านได้ให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ติดต่อ เพื่อสอบถามอาการน้องโอ อย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นกำลังใจกับครอบครัวเป็นอย่างมาก
สำหรับ ศพของน้องโอ จะได้มีการเคลื่อนจาก ร.พ.พระจอมเกล้า มายัง วัดท่าบันเทิงธรรม เย็นนี้ โดยทาง ผู้ว่าฯนนทบุรีจะได้รับเป็นเจ้าภาพ ในการสวดพระอภิธรรม ขณะที่ ทางโรงเรียนและรุ่นพี่ของน้องโอ เตรียมที่จะเดินทางมาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่รับรับคำยืนยันจาก น.ส.ณัฐกานต์ หรือ บิว ศรีคลัง อายุ 20 ปี รุ่นพี่ ซึ่งเป็นคนสั่งทิ้งดิ่งจน น้องโอ ต้องจบชีวิต ว่าจะเดินทางมาร่วมงานหรือไม่
นายสมเกียรติ กิจพาณิชย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนโพลีเทคนิคพณิชย์กรุงเทพ กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพิธีบำเพ็ญกุศลศพนายนิโรจศักดิ์ นั้น ทางโรงเรียนรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีรุ่นพี่รับน้องรุนแรงนั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งมีความคืบหน้าแล้วกว่า 80% โดยคณะทำงานได้ติดตามสอบทั้งรุ่นพี่ปัจจุบันและศิษย์เก่าที่บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะไม่อยู่บ้าน จึงให้รุ่นพี่และผู้ปกครองลงบันทึกและรับทราบการเดินทางไปเที่ยวของนักศึกษาครั้งนี้ และอนุญาตให้ไป โดยยอมรับว่าโรงเรียนไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตาม จะสอบสวนเพิ่มเติมจากรุ่นพี่ศิษย์ปัจจุบันหลังเปิดเทอมภาค 2 คือวันจันทร์ที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อให้ผลสอบสวนสมบูรณ์
นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้างานปกครอง กล่าวว่า ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวน้องโอแล้ว ส่งหัวหน้างานปกครองของโรงเรียนดำเนินการอำนวยความสะดวกดูแลทุกอย่าง พร้อมให้หัวหน้าแผนกไฟฟ้า นำรถตู้รับผู้ปกครองและญาติน้องโอกลับกรุงเทพฯ ด้วย ทั้งนี้ ย้ำว่าทางโรงเรียนจะดูแลเต็มที่ รับเป็นเจ้าภาพงานศพให้ เพราะถือว่าครอบครัวน้องโอเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนวัดที่จะนำศพน้องโอมาบำเพ็ญกุศลนั้น เบื้องต้นผู้ปกครองต้องการจัดงานที่วัดท่าบันเทิงธรรม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เนื่อง

แผ่นดินไหว 5.8 ริกเตอร์นอกชายฝั่งโมลุกะ อินโดฯ

สำนักงานธรณีฟิสิกส์และอุตุนิยมวิทยาของอินโดนีเซียรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 5.8 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งโมลุกะ ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 08.34 น. ตามเวลาในไทยโดยมีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไป 30 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ยังเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งปาปัวนิวกินี เมื่อเวลา 08.13 น.ตามเวลาในไทย โดยมีศูนย์กลางห่างจากกรุงพอร์ตมอร์สบี ราว 685 กิโลเมตร และอยู่ลึกลงไป 10 กิโลเมตร ซึ่งศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกไม่ได้ประกาศเตือนภัยแต่อย่างใด