วันศุกร์, เมษายน 24, 2552

ตร.เชื่อคุมได้หลังเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ตำรวจมั่นใจสามารถคุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้หลังการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี

พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตำรวจมีหน้าที่รักษาสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบทันที หลังนายกรัฐมนตรี ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง หากมีการชุมนุมก่อความวุ่นวายไม่ว่ากลุ่มใด ตำรวจและหน่วยสนับสนุนจะเข้าไปดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เป็นกังวลต่อการควบคุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เพราะยังมีคดีอาญาที่ให้อำนาจพนักงานสอบสวนในการควบคุมตัวแกนนำเสื้อแดงได้ ในส่วนของตำรวจสันติบาล จะสืบสวนหาข่าวเชิงลึกการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มอื่นที่มีความพยายามที่จะก่อหวอดชุมนุม หลังยกเลิก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงด้วย

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้วิทยุสั่งการด่วนไปยังตำรวจทั่วประเทศ ให้ตั้งด่านตรวจจับอาวุธสงคราม อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสิ่งผิดกฎหมาย หลังเกิดคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไต

วันพฤหัสบดี, เมษายน 16, 2552

Mixed Berry Salad with Mint


ส่วนผสม

1.น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย

2.เหล้ากลิ่นส้ม Grand Marnier 1/4 ถ้วย

3.สตรอว์เบอร์รี่สดผ่าครึ่ง, ราสป์เบอร์รี่สด, บลูเบอร์รี่สดใบสะระแหน่


วิธีทำ

ผสมน้ำตาลทรายและเหล้ากลิ่นส้มในอ่างผสม นำผลไม้ลงคลุกเคล้าเบาๆ จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟทันทีหรือแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ


Notes• ถ้าไม่อยากใส่เหล้าอาจเปลี่ยนเป็นน้ำส้มคั้นผสมกลิ่นส้มหรือกลิ่นมินต์เล็กน้อย• อาจทำน้ำเชื่อมเหล้ากลิ่นส้มเก็บไว้ได้ด้วยการผสมน้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย ต้มให้เดือด ใส่เหล้า 1 ช้อนชาและกลิ่นส้ม 1 ช้อนชา คนให้ทั่ว พักไว้ให้เย็น แช่เย็นเก็บไว้ใช้ได้

น้ำแข็ง


คนไทยทุกเพศทุกวัยนิยมบริโภคน้ำแข็ง อาจเนื่องจากเมืองไทยของเราเป็นเมืองร้อน การกินน้ำแข็งช่วยให้คลายร้อนได้ และกลายเป็นความเคยชินสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูหนาว ที่แม้อากาศจะหนาวเย็นขนาดไหนคนไทยก็ยังนิยมกินน้ำแข็ง
วิธีกินน้ำแข็งก็มีทั้งนำมาใส่น้ำเปล่าดื่ม เรียกว่า “น้ำแข็งเปล่า” หากเป็นน้ำแข็งที่ไม่ใส่น้ำก็มักจะเรียกว่า “น้ำแข็งแห้ง” อีกทั้งยังนำมาใส่เครื่องดื่มต่างๆ ตลอดจนใส่ขนมหวานนานาในรูปของน้ำแข็งไสหรือน้ำแข็งบด การดื่มเครื่องดื่มหรือกินขนมหวานที่ใส่น้ำแข็งจะทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยคลายร้อนได้ ในทางกลับกัน ถ้าน้ำแข็งไม่สะอาดก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ นั่นก็คือโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้เช่นกัน
น้ำแข็งที่คนไทยบริโภคที่มีอยู่ในท้องตลาดนั้นจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ น้ำแข็งหลอด และน้ำแข็งซอง
น้ำแข็งหลอดเป็นน้ำแข็งก้อนรูปทรงกระบอก มีรูอยู่ตรงกลาง มีทั้งหลอดเล็กและหลอดใหญ่ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ โดยบรรจุในถุงพลาสติกใสขนาดถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม หากไปซื้อที่ร้านขายส่งน้ำแข็งก็จะชั่งขายเป็นกิโลกรัม ในกระบวนการผลิตน้ำแข็งหลอดจะผลิตด้วยเครื่องทำน้ำแข็งอัตโนมัติ โดยผลิตออกมาในรูปหลอดยาวๆ แล้วมีเครื่องมือช่วยตัดอัตโนมัติให้มีขนาด 1-1 ฝ นิ้ว
ส่วนน้ำแข็งซองนั้นเรียกชื่อตามลักษณะของแบบพิมพ์ที่ใช้ในการผลิต ซึ่งวางเป็นซองๆ หรือช่องๆ น้ำแข็งซองเป็นน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ ในสมัยก่อนประมาณ 30-40 ปี เมืองไทยยังไม่มีการผลิตน้ำแข็งหลอดออกมาจำหน่ายเพื่อการบริโภค ก็ต้องบริโภคน้ำแข็งซองกัน เวลาซื้อก็จะบอกคนขายว่าต้องการน้ำแข็งเท่านั้นเท่านี้ “มือ” ก็คือน้ำแข็งซอง 1 ซอง เมื่อผ่าครึ่งจะได้ 2 ก้อน แต่ละก้อนเรียกว่า 1 กั๊ก น้ำแข็ง 1 กั๊กเมื่อนำมาแบ่งออกเป็น 4 ก้อน ก้อนละเท่าๆ กัน แต่ละก้อนเรียกว่า 1 มือ ดังนั้นน้ำแข็ง 1 ซองจะมี 8 มือ ที่เรียกเป็นมืออาจเนื่องมาจากน้ำแข็ง 1 มือมีขนาดก้อนที่เราจะถือได้พอดีมือ เวลาบริโภคก็จะนำน้ำแข็งไปแช่น้ำดื่มซึ่งนิยมแช่ในกระติกน้ำแข็งที่ช่วยเก็บความเย็น หรือนำไปทุบให้เป็นก้อนเล็กๆ แต่ในปัจจุบันน้ำแข็งซองไม่เป็นที่นิยมสำหรับครัวเรือนทั่วไป เพราะไม่สะดวกและหาซื้อยาก และบางคนก็ไม่นิยมบริโภคน้ำแข็งซองเพราะรู้สึกไม่สะอาดเหมือนน้ำแข็งหลอด สำหรับร้านค้าโดยเฉพาะร้านอาหารทั่วไปนิยมใช้น้ำแข็งบด ซึ่งก็คือน้ำแข็งซองนำไปบดนั่นเอง และด้วยราคาที่ไม่แพง น้ำแข็งบดจึงเป็นที่นิยมของร้านอาหาร หากนำน้ำแข็งซองไปไสก็จะเรียกว่า “น้ำแข็งไส” เมื่อนำไปใส่ในขนมหวาน เช่น ลูกชิด มันเชื่อม ข้าวต้มน้ำวุ้น ฯลฯ คนทั่วไปก็มักจะเรียกว่าขนมน้ำแข็งไส
น้ำแข็งจะสะอาดเพียงพอหรือไม่ต้องดูตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง ตลอดจนการเก็บรักษา คนส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่งผู้ผลิตมีความเข้าใจผิด คิดว่าน้ำแข็งไม่มีจุลินทรีย์ คือจุลินทรีย์ไม่สามารถมีชีวิตและเจริญเติบโตในน้ำแข็งได้ แต่จริงๆ แล้วกองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข สำรวจพบว่ามีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในน้ำแข็งที่วางจำหน่ายจำนวนมาก จึงได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยโภชนาการ โดยรศ. ดร.วิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ และคณะ ทำการศึกษาหาวิธีการผลิตน้ำแข็งให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งผลการวิจัยพบว่าในขั้นตอนการผลิตต้องเริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่น้ำดิบที่นำมาใช้ในการผลิต คือถ้าน้ำดิบที่ใช้ทำน้ำแข็งไม่สะอาดก็จะเป็นแหล่งเจริญเติบโตอย่างดีของจุลินทรีย์ทีเดียว นอกจากนี้ต้องดูสถานที่ผลิตน้ำแข็ง การขนส่ง ภาชนะที่ใช้ใส่น้ำแข็ง เป็นต้น
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลผู้ผลิตอาหาร ให้ผลิตอาหารที่ปลอดภัยให้คนเราบริโภค ได้ออกกฎหมายกำหนดให้น้ำแข็งเป็นอาหารในกลุ่มที่มีการกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน นั่นคือผู้ใดที่ต้องการผลิตน้ำแข็งออกมาจำหน่ายในท้องตลาดต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ อย. กำหนดไว้ หากไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิด ถูกลงโทษทางกฎหมายได้ เช่น น้ำดิบที่นำมาใช้ผลิตน้ำแข็งเพื่อการบริโภคต้องมีมาตรฐานเช่นเดียวกับน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดสนิท การเก็บรักษาน้ำแข็งห้ามใช้แกลบ ขี้เลื่อย กระสอบ กาบมะพร้าว เสื่อ หรือวัสดุอื่นๆ ทำนองเดียวกันมาห่อหุ้มน้ำแข็ง เป็นต้น ในเรื่องของการเก็บรักษาไม่ให้น้ำแข็งละลายเร็วโดยใช้แกลบ ขี้เลื่อย หรือกระสอบมาห่อหุ้ม แทบไม่พบเห็นในปัจจุบันแล้ว เพราะส่วนใหญ่โรงน้ำแข็งมักมีห้องเย็นหรือตู้แช่ขนาดใหญ่ไว้เก็บรักษาน้ำแข็ง ซึ่งสามารถถนอมน้ำแข็งไม่ให้ละลายเร็วเกินไปได้ดีกว่าการใช้ขี้เลื่อย แกลบ หรือกระสอบ นอกจากนี้กฎหมายยังครอบคลุมถึงสถานที่ในการผลิตน้ำแข็งด้วย ซึ่งถ้าโรงน้ำแข็งสามารถปฏิบัติได้ตามที่กฎหมายกำหนด เราก็มั่นใจได้ว่าน้ำแข็งที่ได้รับการผลิตออกมานั้นมีความปลอดภัย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในการขนส่งน้ำแข็งก็อาจทำให้น้ำแข็งเกิดการปนเปื้อนได้เช่นกัน เช่น เรื่องความสะอาดของพื้นรถที่ใช้วางน้ำแข็ง ความสะอาดของเจ้าหน้าที่ที่ขนส่งน้ำแข็ง ตลอดจนเรื่องความสะอาดของถุงหรือกระสอบที่จะนำมาใส่น้ำแข็ง หากมีการใช้โดยไม่ทำความสะอาดที่ถูกต้อง และการใช้ซ้ำซากโดยไม่ทำความสะอาด ก็จะเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้คณะวิจัยจากสถาบันวิจัยโภชนาการดังกล่าวข้างต้นพบว่าการล้างถุงหรือกระสอบที่จะนำมาใส่น้ำแข็ง (กระสอบที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นกระสอบทอด้วยพลาสติกสีขาว ใส่น้ำแข็งได้ปริมาณมากๆ ) นอกจากจะล้างด้วยน้ำเปล่าแล้ว ต้องฆ่าเชื้อด้วยน้ำผสมคลอรีนในสัดส่วนที่กำหนด (ขึ้นอยู่กับปริมาณของถุงหรือกระสอบที่ใช้) ด้วยจึงจะสะอาดเพียงพอ และกระสอบที่ล้างเสร็จแล้วต้องนำไปใช้ภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นเชื้อจุลินทรีย์ก็จะเจริญเติบโตได้อีก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผู้บริโภคมักไม่ทราบ แม้แต่ผู้ผลิตน้ำแข็งเองก็อาจไม่ทราบ จึงต้องมีการเผยแพร่ผลงานวิจัยนี้ให้ทราบโดยทั่วถึงต่อไป
เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของน้ำแข็งที่น่าสนใจ ก็คือ ตัวอักษรที่เขียนหรือพิมพ์ติดไว้ที่ถุงน้ำแข็ง จะเห็นได้ว่าเวลาที่เราซื้อน้ำแข็งถุงในร้านสะดวกซื้อ เราจะเห็นตัวอักษรดังกล่าวเป็นตัวอักษรสีน้ำเงินหรือสีฟ้า โดยไม่เคยพบเห็นว่ามีการใช้ตัวอักษรสีอื่นๆ ทั้งนี้เพราะ อย. มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าน้ำแข็งที่นำมาจะต้องมีข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” เป็นตัวอักษรสีน้ำเงิน และตัวอักษร “น้ำแข็งใช้รับประทานไม่ได้” เป็นสีแดง ซึ่งจะใช้สำหรับแช่ของเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งชนิดของน้ำแข็งให้ชัดเจนนั่นเอง ดังนั้นถ้าเห็นถุงน้ำแข็งใช้ตัวอักษรสีแดง แม้ไม่เห็นคำว่า “ใช้รับประทานไม่ได้” ก็อย่าหลงนำมากินเด็ดขาด เพราะอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพได้
อีกประเด็นหนึ่งของเรื่องน้ำแข็งที่น่าจะช่วยกันรณรงค์ให้มากก็คือ ถังน้ำแข็งใบเดียวกันใช้ทั้งแช่น้ำดื่มน้ำอัดลมสำหรับขายลูกค้า แช่ผัก ตลอดจนแช่เนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้สำหรับนำไปทำอาหารขาย ในขณะเดียวกันก็ใช้น้ำแข็งนั้นมาให้ลูกค้ากิน ซึ่งนับว่าเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยมาก เพราะหลายๆ ครั้งที่พบเห็น น้ำอัดลมหรือน้ำดื่มบรรจุขวดนำไปแช่ในถังน้ำแข็งโดยไม่มีการล้างขวด ทั้งๆ ที่เห็นด้วยตาเปล่าว่าขวดเหล่านั้นไม่สะอาด มีฝุ่นละอองเกาะอยู่ ผักที่แช่ในถังน้ำแข็งก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าล้างสะอาด จึงอาจมีสารพิษตกค้าง อีกทั้งเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ยังไม่ผ่านความร้อนก็เสี่ยงต่อการมีจุลินทรีย์ปนเปื้อนสูง นอกจากนี้ผู้ปรุงอาหารมีการหยิบจับอาหารในถังน้ำแข็งตลอดเวลาที่ปรุงอาหาร ความไม่สะอาดของมือก็อาจปนเปื้อนลงในน้ำแข็งได้ ถึงแม้จะแช่อาหารเหล่านี้คนละด้านหรือคนละข้างกับน้ำแข็งที่ใช้บริโภคก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงต้องร่วมกันรณรงค์ให้มากๆ ให้รู้จักแยกถังน้ำแข็งแช่ของและถังน้ำแข็งสำหรับบริโภคออกจากกัน เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ลดความเสี่ยงในเรื่องเหล่านี้ลง
การที่น้ำแข็งที่ใช้บริโภคได้รับการควบคุมดูแลให้มีความสะอาดเหมาะสมกับการบริโภคเป็นผลดีต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยที่ส่วนใหญ่นิยมกินน้ำแข็ง และในปัจจุบันนอกจากจะมีน้ำแข็งซองและน้ำแข็งหลอดแล้ว ยังมีน้ำแข็งเกล็ด ซึ่งผลิตจากเครื่องผลิตน้ำแข็งอัตโนมัติเช่นกัน โดยน้ำแข็งชนิดนี้กินแล้วได้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเช่นเดียวกับน้ำแข็งซองและน้ำแข็งหลอด และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เพราะเวลาที่เราเคี้ยวหรือกัดกัดจะไม่แข็ง แต่กรอบอร่อย เมื่อนำไปใส่เครื่องดื่มหรือใส่ขนมหวานก็จะช่วยให้เครื่องดื่มหรือขนมหวานมีความเย็นทั่วถึงได้อย่างรวดเร็ว น้ำแข็งแบบนี้ยังไม่แพร่หลายเท่าน้ำแข็งซองหรือน้ำแข็งหลอด อาจเพราะหาซื้อยากและมีราคาแพงกว่าน้ำแข็งแบบอื่น สำหรับคุณภาพของน้ำแข็งนั้นก็ต้องพิจารณาถึงน้ำดิบที่นำมาผลิตเช่นกัน ถ้าน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตสะอาด น้ำแข็งที่ได้ก็ย่อมสะอาดด้วย ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นเดียวกับน้ำแข็งซองหรือน้ำแข็งหลอด
การที่เราจะบริโภคน้ำแข็งในแต่ละครั้งคงต้องให้ความสำคัญสนใจและพิจารณาน้ำแข็งที่จะกินด้วย อย่าคิดว่าน้ำแข็งมีอุณหภูมิต่ำมาก ไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เพราะจริงๆ แล้วหากผู้ผลิตไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ควบคุม นอกจากจะได้รับเชื้อโรคที่ปนเปื้อนแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ได้ด้วย เรื่องนี้ในฐานะผู้บริโภคก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อจะได้มีน้ำแข็งสะอาดบริโภคต่อ

วันอังคาร, เมษายน 14, 2552

ปลุกสงกรานต์ หวนกลับคึกคัก

ตัวเลขผู้เสียชีวิตในช่วงสงกรานต์ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2552 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 4 ช่วง 7 วันอันตราย ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุทางถนนรวม 863 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 81 คน ผู้บาดเจ็บ 940 คน รวมสะสม 4 วันตั้งแต่วันที่ 10-13 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 2,468 ครั้ง น้อยกว่าปี 51 จำนวน 481 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 220 คน น้อยกว่าปี 51 จำนวน 9 ราย บาดเจ็บ 2,658 คน น้อยกว่า ปี 51 จำนวน 657 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือเชียงราย 102 ครั้ง รองลงมาคือ นครศรีธรรมราช 94 ครั้ง

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ถึงผลการให้บริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ยอดสะสม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-13 เม.ย. มีหน่วยแพทย์กู้ชีพออกปฏิบัติการทั้งหมด 12,621 ครั้ง เฉลี่ยนาทีละ 2 ครั้ง เป็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร 5,149 ครั้ง เจ็บป่วยกะทันหัน 5,513 ครั้ง บาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทกัน 932 ครั้ง จมน้ำ 38 ครั้ง โดยมีการออกปฏิบัติการกู้ชีพมากที่สุดในวันที่ 13 เม.ย. จำนวน 3,789 ครั้ง สาเหตุใหญ่ที่สุดของอุบัติเหตุเกิดจากเมาสุราถึงร้อยละ 44-45

สำหรับอุบัติเหตุยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดย พ.ต.ท. ธวัชชัย ดีลิ่น สารเวัตรเวร สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 14 เม.ย. ว่ามีรถกระบะเสียหลักตกน้ำริมถนนสายแสงวิมาน-คลองน้อย หมู่ 8 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง รุดไปสอบสวน พบรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีเขียว ทะเบียน บค 2036 กระบี่ จมอยู่ในน้ำลึกเกือบ 1 เมตร มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ในรถ 4 คน จึงช่วยเหลือนำส่ง รพ.นครศรีธรรมราช แต่ผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิต 3 ศพ ทราบชื่อนายสมเกียรติ ศิริกุล อายุ 30 ปี นายเกียรติศักดิ์ ศิริกุล อายุ 45 ปี และนายสุวิทย์ ศิริกุล อายุ 37 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายสมศักดิ์ เดชวัฒน์ อายุ 47 ปี สอบสวนทราบว่า ผู้ตายและบาดเจ็บเป็นญาติกัน ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดดื่มเหล้าฉลองสงกรานต์แล้วชักชวนกันไปดื่มต่อข้างนอก ขณะถอยรถออกมาเกิดพลาดพุ่งตกน้ำ หลังเกิดเหตุทุกคนพยายามหนีออกมา แต่เนื่องจากต่างคนต่างเมา ทำให้ไม่สามารถเปิดประตูออกมาได้ทำให้สำลักน้ำตายอนาถ
ต่อมาช่วงเช้าวันเดียวกัน เกิดอุบัติเหตุรถ จยย.พุ่งชนราวเหล็กกั้นทางโค้งถนนบ้านฟ้านาวี หมู่ 8 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ฒศพล สมนึก พนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ไปตรวจสอบพบรถ จยย. ยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน งธฉ 677 ชลบุรี ชนอัดตัดราวเหล็ก ใกล้กันพบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ทราบชื่อนายวรงกรณ์ รัตนกสิกร อายุ 26 ปี และนายพลประเสริฐ รอดภิรมย์ อายุ 48 ปี สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 ซึ่งทำงานเป็นช่างซ่อมรถยนต์ได้ไปนั่งกินที่ร้านอาหารกับเพื่อนๆในวันหยุดสงกรานต์ แต่เงินไม่พอจ่าย ทั้งคู่เลยอาสาขี่รถ จยย.ออกไปกดจากตู้เอทีเอ็ม ทั้งที่อยู่ในอาการมึนเมา กระทั่งประสบอุบัติเหตุ แหกโค้งดังกล่าว

อีกราย พ.ต.ท.ขวัญชาติ แจ่มจำรัส สารวัตรเวร สภ.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี รับแจ้งเมื่อเวลา 14.00 น. ว่าเกิดเหตุรถชนกันมีผู้เสียชีวิตที่ถนนสายลาดหลุมแก้ว-ปทุมธานี หมู่ 6 ต.คูบางหลวง รุดไปตรวจสอบพบรถโตโยต้า คราวน์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1ง-6072 กรุงเทพ มหานคร ใต้ท้องรถพบศพ ด.ญ.พรณภา บูรณะวิโรจน์ อายุ 14 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คนชื่อ ด.ญ.วชิราภรณ์ วิทยะสัมพันธ์ อายุ 14 ปี และ ด.ญ.มนัสชยา อุเทนนาม อายุ 14 ปี จึงนำส่ง รพ.ปทุมธานี ห่างออกไป 10 เมตร พบรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน สท 2454 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ สอบสวนทราบว่า ก่อน เกิดเหตุผู้ตายและบาดเจ็บนั่งท้ายรถกระบะไปเล่นน้ำสงกรานต์ ถึงที่เกิดเหตุขณะจะเลี้ยวกลับรถถูกรถเก๋งที่ขับตามหลังพุ่งชนท้าย ทำให้ ด.ญ.พรณภากระเด็นตกรถถูกทับซ้ำติดใต้ท้องรถเสียชีวิต ส่วนเพื่อนได้รับบาดเจ็บ

ส่วนบรรยากาศการจัดงานสืบสานวัฒนธรรมสงกรานต์ในหลายจังหวัด มีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 เม.ย. นายวันชัย สุทิน ผวจ.กำแพงเพชร เป็นประธานเปิดงาน “แห่ผ้าห่มพระบรมธาตุ” โดยมีการตกแต่งริ้วขบวนอย่างสวยงาม เพื่อร่วมกันนำผ้าไปห่มให้กับพระบรมธาตุเจดียาราม ที่วัดพระบรมธาตุอารามหลวง ต.นครชุม อ.เมือง กำแพงเพชร สำหรับประเพณีแห่ผ้าไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์ของชาวกำแพงเพชร ได้จัดสืบทอดกันมาแต่โบราณ เนื่องจากเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเพียงแห่งเดียวในเขต ภาคเหนือตอนล่าง และเป็นที่เคารพศรัทธา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวกำแพงเพชรตลอดมา โดยปีนี้เทศบาลเมืองกำแพงเพชร ได้อัญเชิญพระพุทธรูปและรูปหล่อพระเกจิดัง 3 องค์ประกอบด้วย พระพุทธสิหิงส์ รูปหล่อพระ อุปัชฌาย์กลึง และรูปหล่อหลวงพ่อวิเชียรโมฬี มาแห่ให้ ประชาชนได้สรงน้ำขอพรเนื่องในวันปีใหม่ของไทยด้วย

ที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เช้าค่อนข้างเงียบเหงา บริเวณรอบๆ คูเมืองมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติออกมาเที่ยวเล่นน้ำกันบางตา เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์บ้านเมือง อีกทั้งปีนี้ตำรวจปิดถนนรอบคูเมือง โดยไม่ให้รถยนต์บรรทุกถังน้ำเข้าไปในช่วงตั้งแต่ เวลา 12.00-18.00 น. กระทั่งช่วงบ่าย พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ได้ยกเลิกคำสั่งปิดถนนดังกล่าว ทำให้บรรยากาศการเล่นสงกรานต์เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง

ขณะที่ช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.รัตนาภรณ์ คล่องแคล่ว อายุ 17 ปี และ น.ส.สายชล โชคดีศรีจันทร์ อายุ 18 ปี ชาว อ.เมืองพะเยา เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.คมสันต์ กันธะป้อง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยา ว่าช่วงเย็นวันที่ 13 เม.ย. ขณะทั้งคู่ขี่รถ จยย.ผ่านถนนสายพะเยา-เชียงราย มาถึงหน้าอู่ซ่อมรถสวาทยนต์ ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยา ถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คนใช้น้ำแข็งสาดแทนน้ำทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและดั้งจมูก ต่อมาตำรวจตามจับกุมวัยรุ่น 3 คนไว้ได้ ทราบชื่อนายอภิรัตน์ รินเทพ อายุ 18 ปี นายภาณุวัฒน์ พันธ์วงศ์ อายุ 18 ปี และนายเอก (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ขณะเดินอยู่หน้าอู่ซ่อมรถดังกล่าว แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้ง 3 ให้การปฏิเสธ โดยมีผู้เสียหายเข้าชี้ตัวยืนยัน ด้าน พ.ต.อ.มงคล สัมภาวะผล ผกก.สภ.เมืองพะเยา กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว

ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธเหมทานนท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานพิธีสรงน้ำพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านไร่ โดยมีนายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ นายอำเภอด่านขุนทด พร้อมศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธี ทั้งนี้ หลวงพ่อคูณได้อวยพรให้ ลูกหลานทุกคนประสบความสุขโชคดีในวันขึ้นปีใหม่ไทย และวันผู้สูงอายุ จงเดินทางกลับอย่างปลอดภัย อย่ามีเหตุ มีลางร้ายใดๆ กันทุกๆ คน อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสรงน้ำหลวงพ่อคูณในปีนี้มีศิษยานุศิษย์เข้าร่วมน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะศิษยานุศิษย์ที่เดินทางมาจากต่างถิ่นลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา มีประชาชนออกมาเล่นน้ำตามถนนทั่วทุกสาย โดยเฉพาะถนนจอมสุรางคยาตร หรือถนนข้าวเหนียว ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาต ส่วนบริเวณสวนภูมิรักษ์ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าว สุรนารี ทางเทศบาลได้สร้างหุ่นจำลองหลวงพ่อคูณนั่งยองๆ ถือก้านไม้ขยับขึ้นลง มีการนำสายยางไปติดไว้ฉีดพ่นน้ำให้กับผู้ที่ผ่านมาไปมาคล้ายกับหลวงพ่อคูณกำลังพรมน้ำมนต์ โดยมีชาวบ้านจำนวนมากกราบไหว้สักการะและรอรับน้ำจากหุ่นจำลองหลวงพ่อคูณเพื่อความเป็นสิริมงคล

ที่ จ.มุกดาหาร เทศบาลเมืองมุกดาหาร ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม จัดงานประเพณีสงกรานต์สองฝั่งโขง สามแผ่นดิน (ไทย-ลาว-เวียดนาม) ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านมาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบริเวณแก่งกระเบาแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด เนื่องจากช่วงนี้แม่น้ำโขงลดลงจนเห็นแก่งหินกลางลำน้ำมากมาย เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำคล้ายร้อน ขณะที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาใช้บริการขอทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวเพื่อเดินทางไปเที่ยวเมืองไกรสอน พรมวิหาร แขวงสะวันเขต ของลาว นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม โดยในช่วงสงกรานต์มีผู้เดินทางผ่านแดนเฉลี่ยวันละประมาณ 2,000 คน

ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 15.30 น. นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รอง ผวจ.กาญจนบุรี ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่และท่องเที่ยว จัดงานเทศกาลสงกรานต์ชาวมอญ โดยมีการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ 300 รูป บริเวณสะพานไม้อุตตมราชานุสรณ์ หมู่ 4 ต.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเลียที่หลวง-พ่ออุตตมะ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ได้จัดสร้างขึ้น โดยนายชัยวัฒน์กล่าวว่า การจัดงานครั้งเพื่อให้ชาวไทยเชื้อสายมอญ ชาวไทยเชื้อสายอิสลาม และชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ได้ร่วมกันรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุตามแต่ละเชื้อสาย ส่วนอีกเรื่องคือทางจังหวัดได้ริเริ่มจัดตั้งกองทุนรับบริจาคซ่อมแซมสะพานดังกล่าว ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยที่กำลังทรุดโทรมเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

ส่วนบรรยากาศการเล่นน้ำในกรุงเทพฯ ย่านถนนข้าวสาร หลังจากเมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร ประกาศยกเลิกการเล่นน้ำ เนื่องจากสถานการณ์การปราบปรามกลุ่มชุมนุมม็อบเสื้อแดงรุนแรง เกรงจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยว ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันหลังกลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายตัว ส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี ปรากฏว่ามีคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่มาเล่นสาดน้ำกันคึกคัก แม้ผู้คนจะไม่เนืองแน่นเหมือนทุกๆปี แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยมีการรณรงค์ห้ามเล่นแป้ง ห้ามใส่ชุดสายเดี่ยวหรือแต่งตัวโป๊ รวมทั้งห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่นเดียวกับย่านถนนสีลม บรรยากาศค่อนข้างสนุกสนาน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาร่วมกันสาดน้ำสงกรานต์ อย่างคึกคัก

วันพุธ, เมษายน 08, 2552

มหกรรมไทยรวมพลัง กู้เศรษฐกิจชาติ

งานมหกรรม “ไทยรวมพลัง กู้เศรษฐกิจชาติ” เริ่มแล้ว วันนี้ 4 กระทรวง ศก.จับมือเข็นสินค้าราคาถูก 1,700 รายการ เทกระจาดลดแหลก 20-40% หมุนเวียนจัดโปรโมชั่นถึงวันที่ 9 เม.ย.นี้

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การจัดงาน “มหกรรมไทยรวมพลัง กู้เศรษฐกิจชาติ” ครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือ 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ซึ่งจะเป็นการทำงานแบบบูรณาการมุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น ที่สำคัญจะช่วยคนไทยได้ซื้อสินค้าราคาถูก โดยงานจัดวันที่ 3-9 เมษายน 2552 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้ร่วมกับผู้ประกอบการนำสินค้าจำเป็นต่อการ ครองชีพจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดภายใต้บลูโซนตามโครงการฟ้าสดใสคนไทย ยิ้มได้ ราคาที่จำหน่ายถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 20-40 จำนวน 1,700 รายการ บนพื้นที่ขาย 40,000 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ในแต่ละวันจะมีสินค้าราคาพิเศษเสนอขายจำนวนจำกัด อาทิ เนื้อสุกร และไก่ กิโลกรัม 70 บาท น้ำมันพืช ขวดละ 33 บาท ข้าวสาร ถุงละ 5 กก. 99 บาท จากเดิม 150 บาท ไข่ไก่ ถาดละ 30 ฟอง 60 บาท มะนาว ลูกละ 2 บาท วันละ 20,000 ลูก นอกจากนี้ ยังมีบูธของสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์และประกันภัย นำเสนอสินเชื่ออัตราพิเศษ และมีโซนตลาดนัดรับสมัครงาน

นางพรทิวา กล่าวว่า ผู้ที่มาร่วมงานมหกรรมไทยรวมพลัง กู้เศรษฐกิจชาติ นอกจากซื้อสินค้าคุณภาพดีราคาถูกแล้วภายในงานยังแจกคูปองส่วนลดเงินสดสำหรับ ใช้บริการบลูแท็กซี่ฟรีวันละ 200 ใบ สำหรับผู้ที่ได้รับเช็คช่วยชาติสามารถนำสลิปเงินเดือนมาขึ้นทะเบียน เพื่อขอรับคูปองเพิ่มมูลค่าเช็ค 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าในงาน

วันจันทร์, เมษายน 06, 2552

วันเสาร์, เมษายน 04, 2552

เทพไท ปูดทักษิณกบดานเขมร จี้ฮุนเซ็นแจงท่าที

นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อ้างข้อมูลจากบุคคลไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า มีผู้พบเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในประเทศกัมพูชา และมีที่พำนักอยู่ใกล้กับบ้านพักของ สมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ เพื่อติดตามเรื่องนี้แล้ว
นายเทพไท เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงท่าทีต่อเรื่องนี้ให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา เหมือนกับที่ประเทศลาวได้แสดงความชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ เพราะหากกัมพูชาให้ที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงอาจเป็นความไม่สบายใจของประเทศไทย
"รัฐบาลกัมพูชาควรจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนและตรงไปตรงมากับประเทศไทย เพราะหากปิดบังอาจจะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอยากให้รัฐบาลกัมพูชาประกาศท่าทีที่ชัดเจนเหมือนกับรัฐบาลประเทศลาว ที่ประกาศว่าจะไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ และจะไม่ยอมให้ประเทศตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง และหากอยู่ที่นั่นจริงจะต้องดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายเทพไท กล่าว
เมื่อถามว่า สาเหตุที่กัมพูชา ไม่ยอมแสดงท่าทีที่ชัดเจน อาจเป็นพราะไม่พอใจคำพูดของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่กล่าวพาดพิงนายกฯกัมพูชาว่าเป็น gangster หรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะเรื่องนี้จบไปแล้ว แต่หากพบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในกัมพูชาจริงรัฐบาลต้องเจรจาและดำเนินการตามขั้นตอนขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ชาวโคราชยกพลให้กำลังใจป๋าเปรม

ชมรมชาวโคราชรักป๋าเปรม เดินขบวนไปที่ บ้านไร้กังวล เพื่อให้กำลังใจ แต่ถูกตำรวจตั้งด่านสกัดกั้น ป้องกันเหตุวุ่นวาย ด้านภาคีมวลชนคนโคราชเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ มทภ.2 ผบช.ภ.3 และผู้ว่าฯ โคราช จี้นำตัว "ทักษิณ" มาลงโทษ
(4เม.ย.) ทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย นายสาธร สินปุร ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร ประธานโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เครือข่ายกลุ่มพันธมิตรโคราช และชมรมชาวโคราชรักป๋าเปรม รวมตัวกันที่สถานีวิทยุชุมชนเสียงกรรมกร ด้านหลังสถานีรถไฟนครราชสีมา เพื่อเดินขบวนสำแดงพลังไปที่บ้านไร้กังวล เลขที่ 1885 ถ.สืบศิริ ตรงข้ามกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2 ) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อให้กำลังใจและแสดงจุดยืนว่าอยู่ข้างสถานบันพระมหากษัตริย์ และประธานองคมนตรี
โดยก่อนจะถึงจุดนัดหมายที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถูกสกัดกั้นจากทางตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา กว่า 20 นาย โดยมี พ.ต.อ.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง เป็นผู้สั่งการ ได้ตั้งแผงเหล็กกั้นบริเวณสามแยกสำนักงานชลประทานที่ 8 ถ.สืบศิริ ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านเข้าไปที่บ้านพักของประธานองคมนตรี โดยผู้ชุมนุมที่มารวมตัวกันกว่า 100 คน ได้แต่เพียงยืนส่งเสียงให้กำลังใจประธานองคมนตรี ซึ่งมีการยืนถือป้ายที่มีข้อความว่า "ชาวโคราชรักป๋าเปรม ,"ซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ และจงรักภักดี" ,"ลูกป๋าที่มีชีวิตอยู่ ออกมาสู้เพื่อป๋าได้แล้ว"
ต่อมา แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะขอเข้าพบประธานองคมนตรี เพื่อมอบกระเช้าดอกไม้ และอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เพราะเกรงจะเกิดสถานการณ์ความวุ่นวาย จึงได้มอบสิ่งของที่เตรียมมา ให้กับ พ.ต.อ.พนันชัย เป็นตัวแทนรับมอบ ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้พักรับประทานอาหารเที่ยงก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปรวม ที่หน้าวัดบูรพ์ ถ.มหาดไทย ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อเดินเท้าไปยื่นจดหมายเปิดผนึกกับ พล.ท วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี พล.ต.ท กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภาค 3 และ นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผวจ.นครราชสีมา สุดท้ายได้นัดหมายบวงสรวงท้าวสุรนารี (ย่าโม) ก่อนจะตั้งเวทีเสวนากลางแจ้งในหัวข้อ "ใครมุ่งล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภัยทักษิณ อันตรายต่อความมั่นคงของชาติ และสถาบันสูงสุด"
โดยใช้พื้นที่ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ริม ถ.ราชดำเนิน ด้านทิศเหนือ ติดกับลานคนเมือง ในช่วงเวลา 18.00 น. ส่วนทางด้านทิศใต้ โดยมีลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อยู่ขั้นกลางติดกับศาลาทรงไทย ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช หรือกลุ่มคนโคราชรักษ์ประชาธิปไตย นำโดย นางปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ หรือเจ๊แดง นักจัดรายการวิทยุชุมชนท้องถิ่นเมืองโคราช เป็นแกนนำได้นัดชุมนุม เพื่อรับฟังวีดีโอลิงค์ "ทักษิณ" และปราศรัย ในช่วงเย็นเช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องระดมกำลังจากสถานีตำรวจในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายร้อยนาย มารักษาความปลอดภัยป้องกันการเกิดเหตุการความรุนแรงระหว่างผู้ชุมชนทั้งสอง ฝ่าย
ต่อมา ทันตแพทย์ศุภผล แกนนำกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราช ได้อ่านแถลงการณ์เปิดผนึก ฉบับที่ 3/52 เรื่องการจาบจ้วงสถาบันองคมนตรีและสถาบันหลักของประเทศ ผ่านเครื่องขยายเสียงเคลื่อนที่ว่า "จากปรากฎการณ์คนเสื้อแดงบุกยึดหน้าทำเนียบรัฐบาล และตั้งเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเกิดการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปราศรัยโฟนอินพร้อมทั้งผ่านวิดีโอลิงค์มายังเวทีของผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบ รัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกวัน
ประเด็นสำคัญคือ การกล่าวพาดพิงประธานองคมนตรี พล.อ เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ สุรยุทธ์ จุลานนท์ สถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ สถาบันทางการทหาร ยุยงให้กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ไปทำการปิดล้อมศาลากลางจังหวัด หลายจังหวัด โดยหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง ก่อปัญหาให้คนไทยแยกเป็นฝักฝ่าย ยุยงให้คนไทยด้วยกันเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง อันอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้โดยง่าย โดยอดีตนายกฯ ทักษิณ หวังที่จะกลับมามีอำนาจเพื่อให้ตนเองพ้นผิดจากคดีอาญา และพ้นผิดจากคดีทุจริตคอรัปชั่นในสมัยที่ตนเองได้กระทำเมื่อครั้งที่เคยมี อำนาจปกครองบ้านเมือง
การกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือได้ว่า "เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอันตรายและขัดต่อการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการนำเอาตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ มาลงโทษตามความผิดคดีทางอาญาตามที่ศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว โดยให้จับตัวส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาติดคุกภายในประเทศไทยด่วนที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ที่สามารถกระทำได้ให้ตัดสัญญาณโฟนอิน และวิดีโอลิงค์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำการเชื่อมสัญญาณดังกล่าวทันที เพราะเป็นการกระทำที่มิได้เป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่กำลังยุยงปลุกปั่นให้ราษฎรเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การล้มล้างการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถือว่า การกระทำเช่นนี้อาจเข้าข่ายขบถในราชอาณาจักร
ด้าน พ.ต.อ.พนันชัย ผกก.สภ.โพธิ์กลาง ได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่สามารถให้กลุ่มผู้ชุมชนเข้าไปใกล้บริเวณบ้านไร้ กังวล ว่าเป็นมาตรการปฏิบัติหน้าที่อารักขาประธานองคมนตรีในฐานะบุคคลสำคัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยึดถือปฏิบัติตามหน้าที่โดยไม่เลือกปฏิบัติแก่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ทุกสี ไม่ว่าสีแดง สีเหลืองต้องมีมาตรฐานเดียวกัน

วันศุกร์, เมษายน 03, 2552

อัยการฯ ระบุ รมว.ต่างประเทศ บินไปตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยตนเองได้

อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ระบุรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสามารถบินไปติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยตนเองได้
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถทำได้ ซึ่งหากได้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อัยการพร้อมส่งคำร้องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยื่นต่อศาลของประเทศนั้นให้ทันที
อย่างไรก็ตาม มองว่าปัญหาในขณะนี้ คือการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนที่อยู่ข้ามประเทศตลอดเวลา ทำให้การประสานส่งหนังสือขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังศาลประเทศต่าง ๆ ทำได้ลำบาก เพราะการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศที่รับคำร้อง ต้องมีตัวผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ในประเทศนั้นจริง มีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน หรือถูกจับกุมตัวได้แล้ว การจะให้ส่งคำร้องไปประสานงานล่วงหน้าไว้ทุกประเทศคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เพื่อความรวดเร็ว หากรู้ที่อยู่แน่ชัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรใช้วิธีส่งคำร้องไปต่างประเทศทางอีเมล แต่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ

วันอาทิตย์, มีนาคม 29, 2552

วอนม็อบอย่าเป็นอุปสรรคแก้วิกฤติศก.


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ยันเปิดกว้างการชุมนุมไม่เคยสกัดกั้น วอนอย่าเป็นอุปสรรคแก้วิกฤติเศรษฐกิจยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายให้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"ถึงถึงปัญหาทางการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยที่จะสกัดกั้น และเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลจะพยายามฟังข้อเรียกร้องต่างๆ แล้วนำข้าสู่เวทีที่เหมาะสม ไว่าจะเป็นการปฎิรูปการเมือง และกระบวนการยุติธรรม โดยรัฐบาลจะจัดหาเวทีที่เหมาะสมและเชิญชวนทุกส่วนเข้ามรร่วมแสดงความคิดเห็นกัน
สำหรับตนแล้วมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความคิดเห็นต่างๆ ย่อมมีความแตกต่างกันได้ แต่สำหรับวันนี้ตนอยากจะให้ประเทศเดินไปข้างหน้า การคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตนรู้ว่ารัฐบาลจะต้องทำ แต่ตนขออย่าทำให้ปัญหาตรงนี้จนกลายเป็นปัญหาอุปสรรคของคนส่วนใหญ่ของประเทศที่กำลังเดือดร้อนกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ในเวลานี้ ดังนั้นตนขอให้ความมั่นใจว่าประชาชนทุกกลุ่มทุกคนว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้มีความตั้งใจและมีความจริงใจที่จะดูแลปัญหาทุกข์สุขต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าช่วงสัปดาหที่ผ่านมาตนได้พยายามเร่งรัดงานต่างๆ เพื่อหวังผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความคึกคัก ช่วงต้นเดือนหน้า 4 กระทรวงใหญ่จะมีการจัดงานใหญ่ ซึ่งจะมีส่วนช่วย รัฐบาลคิดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่สอง หากงบประมาณปี 2553 รัฐบาลคิดว่ากระตุ้นการลงทุน ครม.เศรษฐกิจจะแผนการลงทุนในภาครัฐ 3 ปีขี้น 1 แสนหน้าหมื่นล้านบาท เพื่อเสริมความพร้อมของประเทศ เรื่องความมั่นคงทางด้านอาหารเกี่ยวกับทางการเกษตร สามารถช่วยพื้นที่การเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ล้านไร่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาทางด้านสังคมที่เกิดจากวิกฤตทางเศรษฐกิจว่า ปัญหาทางานนี้จะมีกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่เก็บเงินจากภาษีเหล้าและบุหรี่มาทำงานร่วมเครือข่ายภาคประชาชน โดยตนได้มีการร่วมประชุมร่วมกัน ซึ่งได้วางงานให้รับผิดชอบในเรื่องใหญ่ๆ 3 เรื่อง คือ บัณฑิตจิตอาสาโดยจ้างงานนักศึกษาที่จบใหม่มาเก็บข้อมูลด้านสุขภาวะ
"และการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ประชาชนเกิดการปรับตัวในการรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆที่มีการเก็บรวบรวมที่ได้จะส่งต่อให้กับรัฐบาล เพื่อนำมาแก้ไขและวางนโยบายในการพัฒนาที่ต่อไป ซึ่งโครงการต่างๆ เราจะสามารถสกัดไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา เช่น เรื่องยาเสพติด และปัญหาทางสังคมอื่นๆ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว