วันศุกร์, มกราคม 23, 2552

รายงานข่าว วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2552

1.ชทพ.ตั้ง "ชุมพล" หัวหน้าพรรค ลดกก.บห.เหลือ 9 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา (24 ม.ค.) มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นครั้งแรก โดยมีแกนนำพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ามีอดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเดินมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย อาทิ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายวราวุธ ศิลปอาชา นายนพดล พลเสน โดยต่างอ้างว่ามาเป็นพี่เลี้ยงของส.ส.ใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกหลาน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีได้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คือ นายชุมพล ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค นายปรีชา จั่นเพชร เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ นายกฤต รัตนคามินี เป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเดิมเคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายถาวร จำปาเงิน เป็นรองเลขาธิการ นายอรรฆชัย ตระการศาสตร์ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค นางพวงรัตน์ ชัยบุตร เป็นเหรัญญิกพรรค นายวัชระ กรรณิการ์ เป็นโฆษกพรรค นายประสาร เรืองสุขอุดม เป็นกรรมการบริหารพรรคและนายสุรชัย ทิณเกิด เป็นกรรมการบริหารพรรค โดยทางพรรคได้มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคเหลือเพียง 9 คนเท่านั้น

2.รวบ 9 ผู้ต้องหา เตรียมป่วนใต้ช่วงตรุษจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (24 ม.ค.) ว่า ที่ห้องประชุมปาหนัน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้น ป้องกันการก่อเหตุในช่วงตรุษจีน โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันออกปิดล้อมตรวจค้นทั้ง 13 อำเภอ ใช้กำลังกว่า 600 นาย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 คน แยกเป็นพื้นที่ สภ.สุไหงโก-ลก จับได้ 3 คน พื้นที่ สภ.เมืองนราธิวาส จับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน และอีก 1 คน ถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.เจาะไอร้อง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ถูกจับกุมได้ พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบยาเสพติดกัญชาและใบกระท่อมอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3.นายกฯ ประกาศเดินหน้าดัน กม.เก็บภาษีที่ดิน-มรดก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (24 ม.ค.) ถึงกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดจะผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ... และร่างกฎหมายภาษีมรดก ว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะเดินหน้า เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบภาษี แต่ทั้ง 2 เรื่องต้องพิจารณา ให้รอบคอบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรณีภาษีที่ดินทรัพย์สินอาจจะไม่ซับซ้อนมากนัก เพราะมีแนวคิดเดิมอยู่ เพียงแต่ต้องดูให้รอบคอบทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด หลักใหญ่ คือ การทำให้ภาษีโรงเรือนกับภาษีบำรุงท้องที่มารวมกันมีเหตุมีผลมากขึ้น ซึ่งเป็นรายได้ที่จะเป็นกอบเป็นกำมากขึ้นสำหรับท้องถิ่น และต้องยกเว้นให้ผู้ที่มีความจำเป็น เช่น เรื่องที่อยู่อาศัย แต่ว่า ต้องมีบทบัญญัติในลักษณะที่ทำให้เสียในอัตราก้าวหน้าสำหรับผู้ที่มีที่ดินว่างเปล่า ทิ้งไว้ไม่ใช้ประโยชน์

สำหรับกรณีภาษีมรดก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงมีรายละเอียดที่จะต้องดูว่า จะเก็บ และมีข้อยกเว้นอย่างไร เพราะภาษีมรดกในต่างประเทศเองระยะหลังต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของการปฏิรูปภาษีจะเดินต่อ แต่คงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาสั้นๆ และคิดว่า คนที่ได้รับผลกระทบจะเริ่มเข้าใจทำไมถึงมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้

“กรณีของภาษีที่ดิน หรือ ภาษีทรัพย์สินต้องยอมรับว่า จุดสำคัญของความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมเริ่มต้นจากทรัพย์สินกระจายไปไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งกรณีที่ได้มาโดยน้ำพักน้ำแรงก็เข้าใจ แต่หากทรัพย์สินมีลักษณะของการสะสมและทิ้งไว้เฉยๆ ในขณะที่คนจำนวนมากมีความต้องการ เช่น มีคน มีที่ดินมากมายมหาศาล ทิ้งไว้รกร้างว่างเปล่า ในขณะที่รัฐต้องมานั่งแก้ที่ทำกินให้ประชาชนแบบนี้ ไม่เป็นธรรมสำหรับสังคมโดยรวม ดังนั้น เชื่อว่า ทำความเข้าใจได้ไม่มีปัญหา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว