วันอาทิตย์, มกราคม 18, 2552

รายงานข่าว วันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2552

1.อั้นไม่อยู่ ปตท.-บางจาก ปรับเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 80 ส.ต.

นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกา กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย กล่าวว่า ปตท.ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 80 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่เช้าวันนี้ (18 ม.ค.) หลังผู้ค้ารายอื่นทยอยปรับขึ้นราคาตั้งแต่วันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันของปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีราคาเท่ากันการปรับราคาดังกล่าวค่าการตลาดรวมของการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 50 สตางค์ต่อลิตร จากที่ควรจะเป็นต้องไม่ต่ำกว่า 1.20 บาทต่อลิตร
นายปรัชญา กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมันยังคงเป็นไปตามราคาตลาดโลกที่ในขณะนี้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินขยับสูงขึ้น โดยยอมรับว่าราคาน้ำมันปีนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ผันผวน ซึ่ง ปตท.คาดว่าในส่วนของราคาน้ำมันดิบแม้ช่วงต้นปีจะราคาต่ำลงมาอยู่ประมาณ 36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดว่าราคาน้ำมันปีนี้คงจะได้เห็นระดับ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ขึ้นราคาน้ำมันเช่นเดียวกัน สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันหลังมีการปรับขึ้นแล้ว มีดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ 22.19 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 16.89 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 18.94 บาทต่อลิตร และบี5 อยู่ที่ 17.44 บาท ต่อ


2.ตร.ชี้ปมสังหาร 'ป๋าแบน' ขัดแย้งธุรกิจนอกกฎหมาย

วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 ยิงถล่มนายวิโรจน์ วิเศษพงษ์พันธ์ อายุ 62 ปี หรือ ที่รู้จักกันที่ไปวงการนักธุรกิจว่า ป๋าแบน เจ้าของธุรกิจประมงใน อ.กันตัน และเจ้าของสถานบันเทิงหลายจังหวัด อยู่บ้านเลขที่ 59 ถ. สถลสถานพิทักษ์ เขตเทศบาลเมืองกันตัง อ.กันตัง เสียชีวิตคาพวงมาลัยที่หน้าสำนักงานขนส่ง จ.ตรัง เมื่อคืนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ผู้ตายทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น เรือประมง สถานบันเทิง และธุรกิจนอกกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ถูกฆ่าในครั้งนี้ ซึ่งตร.จะต้องสอบสวนในหลายประเด็น แต่ประเด็นการขัดแย้งกับคู่อริกับเรื่องธุรกิจนอกกฎหมายมีน้ำหนักมากที่สุด ขณะที่พ.ต.ต.สราวุฒิ จงจิตร หัวหน้าวิทยาการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้ทำการพิสูจน์รถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 6684 ตรัง ของผู้ตายพบรูกระสุนถูกยิงเข้าที่บริเวณกระจกด้านหน้าฝากระโปรง และกระจกด้านข้างคนขับ จำนวน 39 รู พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม16 ตกในรถอีก 2 ปลอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วานนี้ (17 ม.ค.) นายวิโรจน์ เป็นนักธุรกิจประมงในอำเภอกันตัง มีฐานะร่ำรวย ก่อนที่จะพลิกผันมาเป็นเจ้าของสถานบันเทิงเซย์เยสผับ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถมาเพียงลำพัง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ยืนรออยู่ริมถนน และได้โบกมือให้ นายวิโรจน์ หยุดรถ จากนั้นคนร้ายเป็นชายอีก 2 คน ที่ซุ่มอยู่ในมุมมืดได้เดินออกมา แล้วใช้อาวุธปืนชนิดเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก กระหน่ำยิงใส่ร่าง และรถอย่างไม่ยั้งมือจนกระทั่งเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายอีก 1 คน ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามารับเพื่อนร่วมทีมหลบหนี และเชื่อว่ากลุ่มคนร้าย มีความชำนาญในการใช้อาวุธสงครามเป็นอย่างดี ภายหลังทราบเหตุดังกล่าว สถานบันเทิงเซย์เยสผับ ได้หยุดกิจการทันที ซึ่งบรรดาพนักงานของสถานบันเทิง และประชาชนต่างไปมุงดูเหตุการณ์ถึง 500 คน


3.หนาวเกินพิกัด คนกรุงใช้น้ำลดลง 3 แสนลบ.ต่อวัน

วันนี้ (18 ม.ค.) นายวีรชาติ โอฬารพิริยกุล รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (ผลิตและส่งน้ำ) (กปน.) กล่าวว่า ในระยะนี้เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ ส่งผลการใช้น้ำประปาของประชาชนลดลงถึงวันละประมาณ 3 แสนลูกบาศก์เมตร จากที่ปกติ กปน. เคยสูบจ่ายวันละ 4.8 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ซี่งมีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ จนส่งผลให้การสูบจ่ายน้ำลดลงเหลือเพียงวันละ 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่านั้น หรือลดลงประมาณ 6.25% เนื่องจาก กปน. ได้ติดตั้งเทคโนโลยีวัดแรงดันน้ำอัตโนมัติระยะไกลแบบ real time ในระบบท่อ จึงทำให้ กปน. สามารถทราบถึงปริมาณความต้องการการใช้น้ำทุกขณะ จึงสามารถปรับและลดแรงดัน พร้อมทั้งปริมาณน้ำสูบจ่ายได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการใช้น้ำจริงของประชาชน ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันระบบท่อที่อาจจะเสียหายเพราะแรงดันน้ำที่สูงเกินไปจนเป็นเหตุให้ท่อระเบิดได้

รองผู้ว่าการการประปานครหลวง ยังได้แสดงความเป็นห่วงผู้ใช้น้ำในช่วงนี้ว่า ควรหมั่นตรวจสอบระบบท่อภายในบ้านของตนเองด้วย รวมถึงเครื่องสุขภัณฑ์ที่อาจจะชำรุด เช่น ลูกลอยค้าง ซีลยางในชักโครงชำรุด จนเป็นเหตุให้น้ำประปารั่วไหลได้ง่าย และเป็นการรั่วไหลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำสูญเสียไปมากกว่าที่ใช้จริงเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นหากพบว่าชำรุดควรรีบซ่อมโดยด่วน มิฉะนั้นจะเป็นเหตุให้ผู้ใช้น้ำต้องจ่ายค่าน้ำแพงโดยไม่จำเป็น ในกรณีที่สงสัยว่าอาจเกิดท่อรั่วภายใน สามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองง่ายๆดังนี้คือ ปิดการใช้น้ำทุกอย่างภายในบ้าน และไปตรวจดูที่มาตรวัดน้ำ หากมาตรวัดน้ำไม่เดินก็แสดงว่าไม่มีท่อรั่วภายใน แต่หากมีการเคลื่อนไหวของดอกจันสีแดงหรือตัวเลขที่หน้าปัดมาตรวัดน้ำอยู่ตลอดเวลา ก็แสดงว่ามีท่อรั่วเกิดขึ้นแล้ว สามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำได้ที่ call center กปน. โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง

4.สธ.ตีแผ่ในรอบ 24 ปี เอดส์คร่าชีวิตคนไทยเกือบแสนคน

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าววันนี้ (18 ม.ค.) ถึงสถานการณ์โรคเอดส์ของไทยว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2551 รวม 24 ปี สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่า มีผู้ติดเชื้อประมาณ 1,200,000 คน มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 337,989 คน เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 92,111 คน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาจนถึง30 ก.ย. 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมดเป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนอีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคือ อายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้น เริ่มลดลงอย่างช้าๆ สำหรับในปี 2551 ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงเดือนก.ย.มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ว่า ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด โดยพบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยจะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบคู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์